การตัดสินใจเยือนต่างประเทศของผู้นำอาร์เจนตินาและบราซิลทำให้สหรัฐขุ่นเคืองและพยายามห้ามผู้นำทั้งสองประเทศระงับการเดินทางพบปธน.ปูตินแห่งรัสเซียแต่ไม่สำเร็จ เพราะบทเรียนของผู้นำทั้งสองที่ว่า คบสหรัฐทำให้ประเทศมีหนี้ท่วม ต้องกู้ไอเอ็มเอฟ ทำให้ประธานาธิบดีอาร์เจนติน่าและบราซิลต่างจำเป็นต้องยุติการพึ่งพาสหรัฐ หันกลับมาพัฒนาความร่วมมือกับรัสเซียแทน
วันที่ 4 ก.พ.2565 สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่าผู้ช่วยของประธานาธิบดีรัสเซีย ยูริ อูชาคอฟ(President’s Aide Yury Ushakov ) เปิดเผยเกี่ยวกับการที่ปธน.อัลแบร์โต เฟอร์นานเดซแห่งอาร์เจนตินา(President Alberto Fernandez)และปธน.จาอีร์ โบลโซนาโรแห่งบราซิล(President Jair Bolsonaro)จะมาเยือนรัสเซีย และถูกห้ามปรามจากสหรัฐให้ยกเลิกการเดินทาง แต่สุดท้ายผู้นำทั้งสองเลือกเป็นอิสระจากคำบงการของอำนาจภายนอก
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้เชิญโบลโซนาโรไปเยือนมอสโกว์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565นั้น จากรายงานของหนังสือพิมพ์ โฟลา เดเซาเปาโล( Folha de Sao Paulo) ของบราซิล ระบุว่าสหรัฐฯ ได้เตือนผู้นำบราซิลว่าการเยือนครั้งนี้อาจถูกตีความว่าเป็นการเข้าข้างฝ่ายรัสเซียในวิกฤตยูเครน และกดดันให้ยกเลิกการเดินทาง
อูชาคอฟกล่าวว่า “สำหรับการมาเยือนจากละตินอเมริกา การมาเยือนของปธน.เฟอร์นานเดซ และปธน.โบลโซนาโร.ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทางรัสเซียทราบข่าวจากการติดตามสื่อและจากแหล่งข่าวอื่น ๆ พบว่าผู้นำบราซิลและอาร์เจนติน่าเคยงดการติดต่อรัสเซียมาก่อน เมื่อจะมาเยือนรัสเซียเกิดเหตุการณ์ที่สหรัฐพยายามกดดันให้ยกเลิก แต่รัฐเหล่านี้เป็นรัฐขนาดใหญ่และมั่นคง ซึ่งตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร ติดต่อกับใคร และควรไปเยือนประเทศใด”
เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ปธน.โบลโซนาโรแห่งบราซิลกล่าวให้สัมภาษณ์ว่าเขาจะไม่หยิบยกประเด็นปัญหาวิกฤตในยูเครนระหว่างการประชุมกับวลาดิมีร์ ปูติน และเสริมว่าโดยหลักแล้ว การเจรจาจะเน้นไปที่ประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่ายและหารือเกี่ยวกับวาระความสัมพันธ์ทวิภาคีในวงกว้างภายในกลุ่มประเทศบริกส์ ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปตะวันออกแต่อย่างใด
ด้านปธน.แห่งอาร์เจนติน่าเปิดเผยชัดว่าบทเรียนในการสร้างสัมพันธ์กับสหรัฐที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามควรเป็น ทำให้ก่อหนี้สินแห่งชาติพอกพูนจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องยุติการพึ่งพาสหรัฐแล้วกลับมาพัฒนาความร่วมมือกับรัสเซียที่เปิดโอกาสให้อย่างเต็มที่
ปธน.อัลแบร์โต เฟอร์นันเดซแห่งอาร์เจนตินา(President Alberto Fernandez) กล่าวว่า ขณะนี้อาร์เจนตินากำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากเนื่องจากหนี้ต่างประเทศที่ร้ายแรง และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจก็ลำบากเช่นกัน นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา อาร์เจนตินามุ่งเป้าไปที่สหรัฐฯ และเศรษฐกิจของประเทศในหลาย ๆด้าน ถูกผูกมัดและขึ้นอยู่กับสหรัฐฯและความสัมพันธ์ระหว่างบัวโนสไอเรสและวอชิงตัน เขากล่าวว่า “หนี้ของไอเอ็มเอฟก็เกิดขึ้นเพราะ ความสัมพันธ์เหล่านี้”
เฟอร์นันเดซกล่าวว่า “อาร์เจนตินาจะเลิกพึ่งพา IMF และสหรัฐอเมริกา และเราได้เปิดโอกาสใหม่ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในความร่วมมือกับรัสเซีย เราต้องการพัฒนาความร่วมมือกับรัสเซียจริงๆ ”
เขากล่าวว่าความร่วมมือกับอาร์เจนตินาอาจทำให้รัสเซียมีโอกาสมากมายในการพัฒนาความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ในละตินอเมริกาด้วย และเชื่อว่าอาร์เจนตินาและรัสเซียมีทุนสำรองที่สำคัญ สำหรับการกระชับและขยายความร่วมมือ เพื่อสามารถทำงานร่วมกันได้ดีในหลายพื้นที่ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า-การลงทุน
ในที่สุดผู้นำของประเทศบราซิลและอาร์เจนตินา ได้เข้าพบปธน.ปูตินตามกำหนดการและเดินหน้าเพิ่มสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างต่อเนื่อง นั่นหมายความว่าแม้สหรัฐจะพยายามขัดขวางมิตรประเทศไม่ให้คบหากับรัสเซียเพียงใดก็ไม่สำเร็จเพราะสนใจแต่ผลประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดรอบๆยูเครนที่เลวร้ายลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เมื่อรัสเซียถูกสหรัฐ- NATO และยูเครนกล่าวหาว่าสร้างกองกำลังใกล้ชายแดนยูเครนเตรียมการบุกรุก ซึ่งรัสเซียได้ปฏิเสธมาโดยตลอด และยืนยันว่ารัสเซียมีสิทธิ์ที่จะเคลื่อนย้ายกองกำลังในอาณาเขตประเทศของตน เพื่อตอบสนองต่อสิ่งที่มองว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ เช่น การปรากฏตัวของกองทหาร NATO ที่เพิ่มขึ้นในยุโรปตะวันออกรอบดินแดนของรรัสเซีย และการซ้อมรบอย่างไม่มีกำหนดการล่วงหน้าในน่านน้ำทะเลดำของสหรัฐและพันธมิตร
