จากที่พรรคพลังประชารัฐมีมติขับ 21 ส.ส.กลุ่มของร.อ.ธรรมนัส โดยมีการประชุมของกรรมการบริหาร ต่อมามีรายงานข่าวว่ามีบางคนไม่สมัครใจไปอยู่ในกลุ่มดังกล่าว ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับ 21 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ 1.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา 2.นายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น 3.นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส. ตาก 4.นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.ตาก 5.นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร 6.นายวัฒนา สิทธิวัง ส.ส.ลำปาง เขต 4 7.นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา 8.นายสมศักดิ์ พันธุ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา
9.นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ 10.นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น 11.นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา 12.นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 13.นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร 14.เอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ
15.นายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน 16.นางจอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร 17.นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี 18.นายยุทธนา โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 19.พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 20.นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา 21.นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานที่พรรคพลังประชารัฐ นายสมศักดิ์ ซึ่งมีชื่อเป็น 1 ใน 21 ส.ส.ที่ให้ออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค และ ประธานคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เรื่อง “ขอให้ทบทวนมติพรรคพลังประชารัฐ ให้สมาชิกออกจากการเป็นสมาชิกพรรค”
โดยหนังสือดังกล่าว มีเนื้อหาดังนี้ตามที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรค พลังประชารัฐ มีมติที่อ้างถึงเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2565 ให้สมาชิกพรรคพลังประชารัฐจำนวน 21 คน ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ข้อ 54 (5) ซึ่งมีเนื้อหาบางส่วนว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้หนึ่งที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อสมาชิกพรรค 21 คน
ทั้งนี้ ปรากฎจากการแถลงข่าวของนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2565 ที่เผยแพร่ในสื่อมวลชนทั่วไปถึงสาเหตุการมีมติที่อ้างถึงของกรรมการบริหารพรรคและที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคว่าข้าพเจ้ากับ ร.อ. ธรรมนัส และพวกรวม 21 คน ได้ยื่นข้อเสนอให้มีการปรับโครงสร้างพรรคขนานใหญ่ ซึ่งหัวหน้าพรรคเห็นว่าเป็นการสร้างปัญหาและเกรงจะเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ในพรรค หากดำเนินการตามข้อเสนอ
ดังนั้นเพื่อเป็นการรักษาหลักการแห่งพรรคพลังประชารัฐทั้งเรื่องเอกภาพ เสถียรภาพ และอุดมการณ์ของพรรค หัวหน้าพรรคจึงเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวนี้เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2585 ซึ่งที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเห็นว่าไม่อาจรับข้อเสนอนั้นได้
แต่ ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งเป็นผู้ยื่นข้อเสนอแจ้งว่าหากคณะกรรมการบริหารพรรคไม่รับข้อเสนอแล้วจะมีปัญหาการบริหารพรรค และจะมีการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่จะทำให้เกิดความเสียหายกับพรรค ซึ่งจะเป็นเหตุร้ายแรงกระทบกับเสถียรภาพพรรคต่อไป กรรมการบริหารพรรคจึงเห็นว่าเป็นเหตุร้ายแรงตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ข้อ 54 (5) และมีมติให้ ร.อ. ธรรมนัสฯกับพวกรวม 21 คน รวมทั้งข้าพเจ้าด้วย ออกจากการเป็นสมาชิกพรรดพลังประชารัฐ ตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ข้อ 54 (5)
มติพรรคพลังประชารัฐวันที่ 19 มกราคม 2565 ให้ข้าพเจ้าออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ข้อ 54 (4) ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นมติพรรคที่ไม่เป็นธรรมกับข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่ามีการกล่าวอ้างว่าข้าพเจ้าเกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วมกับการกระทำของ ร.อ. ธรรมนัสฯ กับพวก
อีกทั้ง กรรมการบริหารพรรคมิได้สอบสวนหาข้อเท็จจริงและมิได้เปิดโอกาลให้ข้าพเจ้าได้ชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกต้องก่อนการพิจารณาลงมติ และทำให้ข้าพเจ้าไม่มีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคในการประชุมวันที่ 19 มกราคม 2565 ด้วย ข้าพเจ้าจึงไม่ได้รับการความเป็นธรรมและไม่ได้รับการพิจารณาที่ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐข้อ 54 (5) จึงขอให้ท่านโปรดดำเนินการให้แก้ไขมติพรรคดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าโดยด่วน
ข้าพเจ้าไม่เคยเรียกร้อง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่มีส่วนร่วมใดๆ ในการเสนอข้อเรียกร้องให้มีการปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐขนานใหญ่ของ ร.อ. ธรรมนัสฯ กับพวก ตามการแถลงข่าวของนายไพบูลย์ฯ
ซึ่งนอกจากข้าพเจ้าแล้วก็ยังมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รายอื่นของพรรคที่มีชื่อรวมอยู่ในจำนวนรายชื่อ 21 คนนั้น ที่ไม่ทราบเรื่อง และไม่รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าวของ ร.อ. ธรรมนัสฯ กับพวก เช่นเดียว กับข้าพเจ้า
จากการแถลงข่าวของนายไพบูลย์ กล่าวถึงแต่เพียง ร.อ. ธรรมนัสฯ แต่ผู้เดียวที่อ้างว่าหากไม่มีการดำเนินการตามข้อเรียกร้องให้ปรับโครงสร้างพรรคแล้วจะมีการเคลื่อนไหวต่างๆ และจะทำให้เกิดความเสียหายกับพรรด ซึ่งจะเป็นเหตุร้ายแรงกระทบกับเสถียรภาพพรรคต่อไป
ดังนั้น จากข้อเท็จจริงตามการแถลงข่าวของนายไพบูลย์ จะเห็นว่าการกระทำที่อาจเข้าข่ายหลักเกณฑ์ข้อบังคับพรรดพลังประชารัฐ ข้อ 54 (6) นั้น เป็นการกระทำของ ร.อ. ธรรมนัสฯ แต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับ ข้าพเจ้าหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครายอื่น ในรายชื่อ 21 คนนั้น