วิกฤตเงินเฟ้อถล่มไบเดน!?บริหารแย่สุดในรอบ 40 ปี ลามขาดแคลนอาหาร ชั้นวางสินค้าเมกาว่างเปล่า

1274

นับตั้งแต่เปิดต้นปีนี้มา สินทรัพย์ต่างๆของโลกไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ หรือ คริปโต ต่างก็กำลังมีความผันผวนสูงไปตามนโยบายการเงินของ FED และไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจตัวใดที่จะมีความสำคัญต่อการตัดสินใจของ FED มากไปกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรือดัชนีวัดเงินเฟ้อที่ได้ประกาศออกมา ล่าสุดปรากฎว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐภายใต้การบริหารของปธน.โจ ไบเดนเพิ่มขึ้น 7% สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2525 หรือนับเป็น 4 ทศวรรษก็ว่าได้

ส่งผลราคาสินค้าแพงกระฉูดตั้งแต่อาหารจนกระดาษชำระ ที่แย่ที่สุดก็คืออาจลุกลามเกิดวิกฤตขาดแคลนอาหาร เพราะปัญหาห่วงโซ่อุปทานการผลิตและการขนส่ง ทำชั้นวางสินค้าในร้านค้าและห้างใหญ่ของสหรัฐว่างเปล่าอย่างหนัก คนอเมริกันบางคนวิจารณ์ว่าเหมือนสมัยสหภาพโซเวียตล่มสลาย

วันที่ 12 ม.ค.2565 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ของสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่วัดต้นทุนจากสินค้าหลายสิบรายการ เพิ่มขึ้น 7% ตามรายงานของสำนักสถิติกระทรวงแรงงาน ระบุว่าในแต่ละเดือน CPI เพิ่มขึ้น 0.5% และคิดเป็น 7% ในช่วง 12 เดือน

ถือเป็นการเพิ่มขึ้นที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 1982/2525 และเกิดขึ้นท่ามกลางการขาดแคลนสินค้า,คนงาน และจากกระแสเงินสดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเศรษฐกิจสหรัฐฯ

แม้เงินเฟ้อจะพุ่งกระฉูด แต่หุ้นกลับปรับตัวขึ้นหลังจากได้ข่าว ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลส่วนใหญ่ติดลบ

ไบรอัน ไพรซ์(Brian Price) หัวหน้าฝ่ายการจัดการการลงทุนของ Commonwealth Financial Network กล่าวว่า “รายงาน CPI ประจำเดือนธันวาคม 2564 ที่เพิ่มขึ้น 7% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาจะทำให้นักลงทุนบางคนตกตะลึง เนื่องจากเรายังไม่เห็นตัวเลขที่สูงขนาดนั้นมาก่อนในรอบเกือบ 40 ปี”

ค่าที่พักอาศัยซึ่งคิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของคนอเมริกันเพิ่มขึ้น 0.4% ต่อเดือนและ 4.1% ต่อปี นั่นคือสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2550

ราคารถยนต์มือสองซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิดเนื่องจากข้อจำกัดของห่วงโซ่อุปทานที่มีการผลิตรถยนต์ใหม่ยังถูกจำกัด เพิ่มขึ้นอีก 3.5% ในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเป็น37.3%

ในทางกลับกัน ราคาพลังงานส่วนใหญ่ลดลงในเดือนนี้ โดยลดลง 0.4% เนื่องจากน้ำมันเตาลดลง 2.4% และน้ำมันเบนซินลดลง 0.5% คอมเพล็กซ์โดยรวมเพิ่มขึ้น 29.3% ในช่วง 12 เดือนซึ่งแม้จะรวมถึงการเพิ่มขึ้นสำหรับน้ำมันเบนซิน 49.6% 

ไมค์ โลเวงการ์ต(Mike Loewengart)กรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ E-Trade กล่าว “ด้วยกรณีของ Covid ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและการขาดแคลนแรงงานยังคงมีอยู่ ซึ่งจะทำให้ราคาสูงขึ้นเท่านั้น”

ราคาอาหารในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 0.5% และเพิ่มขึ้น 6.3% ในรอบ 12 เดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2008/2551

ข่าวร้ายที่ซ้ำเติมสังคมอเมริกันภายใต้การบริหารงานของปธน.โจ ไบเดนคือ การขาดแคลนอาหาร ที่ร้านขายของชำทั่วประเทศรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากโอมิครอนยังคงแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง และพายุฤดูหนาวซ้ำเติมปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและการขาดแคลนแรงงาน

ด้านคนอเมริกันรับประทานอาหารที่บ้านมากกว่าที่เคย เนื่องจากสำนักงานและโรงเรียนบางแห่งยังคงปิดอยู่และหวาดวิตกเรื่องเศรษฐกิจพังมากกว่าการระบาดโควิดด้วย ประเมินจากโพลของ Associated Press/NORC Center for Public Affairs Research ในสัปดาห์นี้ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่อย่างท่วมท้นระบุว่าเงินเฟ้อเป็นปัญหาสูงสุดในปีนี้ มีเพียง 37% เท่านั้นที่กล่าวว่าโควิดคือหนึ่งในความสำคัญสูงสุดของพวกเขา