จากที่สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่องสุขสุด สลดสุด แห่งปี 2564 ซึ่งพบส่วนใหญ่สุขใจเห็นคนไทยจงรักภักดีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ส่วนเศร้าสลดสุดโควิดระบาดคร่าชีวิตผู้คนนั้น
ทั้งนี้ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนกลุ่มตัวอย่าง เรื่อง “สุขสุด สลดสุด แห่งปี 2564” ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2564 – 2 มกราคม 2565 พบว่า 3 อันดับแรกของความสุขสุดของคนไทย ด้านสังคมแห่งปี 2564 ได้แก่
อันดับแรก คือ เห็นคนไทย เป็นหนึ่งเดียวกัน รักสงบ แสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ร้อยละ 28.8 อันดับที่สอง ได้แก่ เห็นนักกีฬาไทยสร้างชื่อเสียง ชนะนานาชาติ ทั้ง ฟุตบอล วอลเล่ย์บอล และแบดมินตัน เป็นต้น ร้อยละ 23.1 และอันดับที่สาม ได้แก่ เห็นคนไทยรักกัน ช่วยเหลือเกื้อกูล มีน้ำใจให้กัน ร้อยละ 20.8 ตามลำดับ
นอกจากนี้ 3 อันดับแรกของความสุขสุดของคนไทย ด้านส่วนตัว แห่งปี 2564 ได้แก่ อันดับแรก คือ ความสุขในครอบครัว ร้อยละ 53.9 อันดับที่สองได้แก่ ความสุขต่อ สุขภาพกายและใจ ร้อยละ 23.1 และอันดับที่สาม ได้แก่ ความสุข ต่อ รายได้ และเงินในกระเป๋าของตัวเอง ร้อยละ 15.4 ตามลำดับ
ที่น่าเป็นห่วงคือ ผลสำรวจพบ 3 อันดับแรกแห่งความเศร้า สลดสุด ของคนไทยแห่งปี 2564 อันดับแรก ได้แก่ ผู้คนเสียชีวิตเพราะโควิด-19 ร้อยละ 42.5 อันดับที่สอง ได้แก่ วิกฤตเศรษฐกิจ ธุรกิจเจ๊ง ปิดกิจการ คนตกงาน ร้อยละ 26.7 และอันดับที่สาม ได้แก่ คนตาย เพราะอุบัติเหตุบนถนน ร้อยละ 15.3 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม 3 อันดับแรกแห่งความภูมิใจสุดของคนไทยแห่งปี 2564 พบว่า อันดับแรก ได้แก่ ได้เกิดมาเป็นคนไทย อยู่บนผืนแผ่นดินไทย มีสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนแบบ ไทย ๆ ร้อยละ 30.1
อันดับที่สอง ได้แก่ บ้านเมืองพัฒนาเจริญ กว่าหลายประเทศในเอเชีย มีสนามบินสุวรรณภูมิ รถไฟฟ้า เส้นทางคมนาคม ทัศนียภาพถนนที่ดี มีการใช้พลังงานธรรมชาติที่ดี เช่น กังหันลม พลังน้ำ โซล่าเซลล์ เป็นต้น ร้อยละ 23.6 และอันดับที่สาม ได้แก่ คุณภาพคนไทย คุณภาพสื่อมวลชน คุณภาพชีวิตสังคม ร้อยละ 18.0 ตามลำดับ
“ผลโพลจัดอันดับสุขสุด สลดสุดของคนไทยชิ้นนี้ชี้ให้เห็นความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคนไทยส่วนใหญ่ที่ยังคงมีความสุขกับบริบทของสังคมไทยที่มีสถาบันหลักของชาติแบบไทย ทั้งความเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชนที่ยังคงมีผลต่อความสุขของประชาชนคนไทย
รวมถึงความภูมิใจสุดของคนไทยที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยอยู่บนผืนแผ่นดินไทย อันเปรียบเสมือนบ้านที่มีเสาหลักของชาติค้ำประกันความมั่นคงปลอดภัยของทุกคนในชาติที่แตกต่างไปจากหลายประเทศทั่วโลก จึงมีความจำเป็นที่คนไทยทุกคนควรรักษาและหวงแหนไว้อย่าปล่อยให้ใครมาสั่นคลอนและทำลายได้” นายนพดล กล่าว
อย่างไรก็ตามในขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมสามนิ้วทั้งบรรดาแกนนำและแนวร่วมต่างออกมาส่งเสียงด้วยเช่นกันในความเคลื่อนไหวในปี2565 ที่ระบุว่าจะมีการชุมนุมครั้งใหญ่รวมทั้งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในประเทศด้วย ซึ่งข้อเรียกร้องของกลุ่มคนดังกล่าวก็คือยกเลิกมาตรา112 ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ก็ได้โพสต์ข้อความลงบนเพจเฟสบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อวยพรปีใหม่ถึงประชาชนชาวไทย ให้กำลังใจทุกคนก้าวไปอย่างมีความหวังในปี 2565
โดยนายธนาธร ระบุว่าในปี 2564 ที่ผ่านมา เป็นปีที่ยากลำบาก ทั้งจากการแพร่ระบาดของโควิด และปัญหาเศรษฐกิจ จากการที่ตนได้เดินทางไปหลายที่ ได้พบกับผู้คนที่ประสบปัญหาจากโควิดแตกต่างกันไป หลายคนอยู่ในภาวะลำบากเป็นหนี้สิน เจ้าของธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็กจำนวนมากต้องล้มเลิกกิจการ ทุกความสูญเสียของทุกครอบครัว และทุกกิจการที่ต้องปิดตัวลง คือสิ่งที่ทำให้ตนก็รู้สึกเจ็บปวด ซึ่งตนขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนในการก้าวเดินต่อไป และใช้มีชีวิตอย่างมีความหวัง
“หวังว่าในปี 2565 นี้ รัฐบาลจะควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด และออกมาตรการที่โอบอุ้มประชาชนทั้งจากโรคภัยและผลกระทบทางเศรษฐกิจได้ดีขึ้น” นายธนาธร ระบุ