3 นิ้วว่าไง เอาด้วยมั้ย? “ปิยบุตร” เผยชัดแล้ว วางเกมการเมืองระยะยาว 16 ปี ลั่นจะรื้อระบบอุปถัมภ์!

1350

ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวส่งท้ายปีของนายปิบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่มีมุมมองต่อการเมืองไทย โดยเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. นายปิยบุตร ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ สรุปภาพรวมการทำงานของคณะก้าวหน้าใน ปี 2564 ว่า หลายคนคิดว่าสนามเลือกตั้งท้องถิ่นของคณะก้าวหน้า

ทั้งเทศบาล อบต. หรือ อบจ. ไม่สำเร็จเพราะได้จำนวนน้อย แต่เราถือว่าสำเร็จ ในแง่ที่ต้องการเปลี่ยนหลายเรื่อง เช่น การเปลี่ยนเรื่องฮั้วในการเมืองท้องถิ่น โครงข่ายโยงใย ไปถึงการเมืองระดับชาติ บางครั้ง ส.ส.พรรคเดียวกัน สนับสนุนนักการเมืองท้องถิ่นคนละคน หรือส.ส.ต่างพรรค จับมือกันในระดับ อบจ.

ซึ่งตั้งแต่สมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ มีการทักท้วงไม่ให้การเมืองระดับชาติไปยุ่งเกี่ยว ระวังพรรคแตก แต่ตนบอกว่า ตอนนั้นจะให้พรรคอนาคตใหม่ลงท้องถิ่น เชื่อว่าเฉดสี หรือสังกัดการเมือง ควรแบ่งด้วยอุดมการณ์ ความคิด แนวทางนโยบาย คืออีกเรื่องเราเน้นแข่งขันกันทางนโยบาย ไม่ใช่เรื่องอิทธิพล กลไกรัฐ ความสัมพันธ์เครือข่าย ตระกูลการเมือง เเม้ไม่มีความสำเร็จในแง่จำนวน แต่อย่างน้อยเราเอาความคิดเข้าไปปลูกฝังแล้วว่า การเมืองท้องถิ่นเลือกกันที่นโยบาย ไม่ใช่ระบบอุปถัมภ์


“ถ้าจะให้สรุปภาพรวมท้องถิ่นในปี 2564 คือ เราสำเร็จในแง่การเปลี่ยนวิธีคิด เรื่องจำนวนเป็นเรื่องรอง หากผมกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อยากได้จำนวนเยอะ ๆ ตั้งแต่ระดับส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ หรือระดับท้องถิ่นของคณะก้าวหน้า ทำไมจะไม่รู้ ว่าต้องไปซื้อ ไปเอามุ้งโน้น มุ้งนี้ ดูดกันมา ใช้อิทธิพลกลไกรัฐอย่างไร เรารู้แต่จงใจไม่ทำ ต้องเปลี่ยนวิธีคิดด้วย การเมืองแบบเดิม เป็นการกระจายอำนาจเชิงระบบอุปถัมภ์ กลายเป็นว่า ประชาชนต้องมาอยู่ด้วยระบบอุถัมภ์ คนที่มอบความค้ำจุนให้ก็สามารถนับเป็นบุญคุณ ต้องไปทุจริต คอร์รัปชั่น จากเงินทอนของรัฐ เพื่อเอามาอุปถัมป์ค้ำจุน ทำไมเราไม่เปลี่ยนตรงนี้ให้กลายเป็นหน้าที่รัฐ กับสิทธิพลเมือง และไม่มีใครมีบุญคุณต่อกัน ผมเข้าใจดีว่าเป็นอย่างนี้มาตลอด ไม่เคยโทษชาวบ้าน แต่ในฐานะเราเป็นฝ่ายการเมืองต้องลงมานำเสนอแบนี้ไม่อย่างนั้นก็วนในอ่างเดิม ๆ ”

และนอกจากนี้นายปิยบุตร ยังกล่าวอีกว่า ตอนสมัยตนตั้งพรรคอนาคตใหม่ คนนั้นคนนี้ย้ายพรรคกันไป คนที่เป็นส.ส.เขต บอกว่า พรรคไม่ให้การสนับสนุน ไม่มีของจะไปแจกชาวบ้าน งบรัฐบาลก็ไม่มาลง คู่ต่อสู้นั่นมีเต็มไปหมด นอกจากตนจะไม่มีให้แล้ว ตนบอกให้ส.ส. ช่วยกันหักเงินเดือนเข้าพรรค ซึ่งเรื่องนี้ทางแก้มี 2 ทาง คือ 1.ทำแบบที่เขาทำ ใส่เงินไปเยอะ ๆ 2.คือค่อย ๆ เปลี่ยนความคิดคน ซึ่งต้องใช้เวลา

อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่า แม้ที่ผ่านมาการเลือกตั้งอบต. จะทำให้คณะก้าวหน้าได้ที่นั่งเยอะในจังหวัดร้อยเอ็ด แต่ก็ยังพ่ายแพ้ในหลายพื้นที่จำนวนมาก การออกมาเคลื่อนไหวส่งท้ายปีของนายปิยบุตร ถือว่าน่าจับตา เพราะเป็นการเริ่มวางแผนการเมืองระยะยาว ที่ไม่มีทางยอมเลิกรา เพราะนายปิยบุตรทิ้งท้ายถ้อยคำสำคัญไว้ว่า “ตนจะทำแบบใหม่อีกแบบหนึ่ง แพ้หลายสนามได้จำนวนมาน้อยไม่เป็นไร แต่ในอนาคตจากรุ่นสู่รุ่น 4 ปี 8 ปี 12 ปี หรือ 16 ปี ตนเชื่อว่าจะต้องเปลี่ยนแปลง”