วันชาติอเมริกาที่ไม่เหมือนเดิม… ทรัมป์ลั่น “นี่เป็นการปฏิวัติวัฒนธรรม ของพวกซ้ายจัด”ชาวอเมริกันต้องยืนหยัด อเมริกาเป็นหนึ่งเดียวแบ่งแยกไม่ได้ และภูมิใจในประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่

2540

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันจัดงานวันชาติอเมริกา 4 กรกฎาคมยิ่งใหญ่กว่าทุกปี แม้จะมีเสียงคัดค้านรอบทิศด้วยหวาดหวั่นผลกระทบ จากการระบาดไวรัส โควิด-19 จะสาหัสเพิ่มขึ้น เมื่อชาวอเมริกันมารวมตัวกันจำนวนมาก ทรัมป์ฯโหมโรงที่อนุสาวรีย์อดีตประธานาธิบดีสหรัฐผู้ยิ่งใหญ่ และปราศัยอย่างเข้มข้นให้ผุ้สนับสนุนยืนหยัดอยู่เคียงข้างเขา เพื่อต้านแผนการปฏิวัติวัฒนธรรมของพวกซ้ายจัดที่เกรี้ยวกราด เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีการจุดพลุไฟบนหน้าผาวีรบุรษแห่งอเมริกา

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม ก่อนหน้าวันฉลอง ปธน.ทรัมป์บอกผู้สนับสนุนว่า ผู้คัดค้านการฉลองวันชาติเป็นการทำลายความเป็นปึกแผ่นของสหรัฐอเมริกา และค้านค้านกลุ่มชุมนุมที่โกรธแค้นที่พยายามทำลายรูปปั้น อนุสาวรีย์ของผู้นำรัฐในอดีต และสิ่งที่เป็นสัญญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาหลายอย่าง เขากล่าวกับผู้สนับสนุนที่ ภูเขารัชมอร์ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมพยายามลบล้างประวัติศาสตร์ของประเทศ สุนทรพจน์และดอกไม้ไฟในการเฉลิมฉลองค่ำคืนแห่งการรำลึกวันชาติสหรัฐอเมริกา สวนทางกับป้ายแสดงจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคไวรัส โควิด-19 จำนวน 125,000 คนทั่วประเทศ

งานครั้งนี้จัดขึ้นที่อัฐจันทร์ขนาดใหญ่บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติเขารัชมอร์ ใกล้เมื่องคีย์สโตน, มลรัฐเซาท์ดาโกต้า ซึ่งจุคนกว่า 7,500 คน บรรดาผู้ร่วมงานไม่สวมหน้ากาก ไม่ปฏิบัติตามกฎระยะห่างแต่อย่างใด
“จงอย่าทำในสิ่งที่ผิด นี่เป็นการปฏิวัติวัฒนธรรมของฝ่ายซ้ายจัด ที่วางแผนสร้างการปฏิวัติสหรัฐอเมริกา ลูกหลานของเราในโรงเรียน ต่างถูกกดดันเสี้ยมสอนให้เกลียดชังประเทศของตัวเอง” ทรัมป์ย้ำ

ปธน.ทรัมป์ ปราศัยที่ภูเขาริชอร์ เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ถึงประเด็นที่เขานำเสนอ สถานที่แห่งนี้คืออนุสาวรีย์ส่วนใบหน้าของประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน, โทมัส เจฟเฟอร์สัน, ทีโอดอร์ รูสเวลส์ และแอบบราฮัม ลินคอน ซึ่งห้ามไม่ให้จัดพลุไฟมาโดยตลอดด้วยเหตุผลทางด้านผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม

………………………………………………………..
Cr: aljazeera, kelolandnews