ระวังเงิบอีก! ส.ศิวรักษ์ ถ่อสังขารจะเป็นพยานให้ “ธนาธร”คดี ไลพ์สดวัคซีน ผิดม.112 หลังศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ!

1620

ระวังเงิบอีก! ส.ศิวรักษ์ ถ่อสังขารจะเป็นพยานให้ “ธนาธร”คดี ไลพ์สดวัคซีน ผิดม.112 หลังศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ!

จากกรณีที่นายทศพล เพ็งส้ม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เปิดเผยว่า ศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 พิพากษากลับให้ระงับการทำให้แพร่หลาย 3 URL นอกจากนายธนาธรจะโดนร้องให้ระงับการเผยแพร่ ก็ยังมีเรื่องของคดีอาญา ทำให้แนวทางและข้อมูลในคำตัดสินของศาลอุทธรณ์เป็นที่น่าสนใจ ฝ่ายผู้ร้องบอกว่า เป็นเนื้อหาเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงต่อราชอาณาจักร ในหมวดความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท (ม.112) เข้าข่ายตามผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จึงเป็นการบรรยายขอให้ดำเนินการตามพ.ร.บ.การกระทำความผิดว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (29 พฤศจิกายน 2564) ที่สำนักงานอัยการ ถ.รัชดาภิเษก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เข้ายื่นขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการ ในคดีที่ถูกกล่าวหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากกรณีไลฟ์วัคซีนพระราชทาน พร้อมให้กำลังใจ นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว หรือ “ลูกเกด” นักเคลื่อนไหวกลุ่มราษฎร ที่มีนัดหมายพบอัยการในวันเดียวกัน ฟังคำสั่งฟ้องในคดีที่ถูกกล่าวหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากกรณีการชุมนุม “เขียนจดหมายถึงกษัตริย์” ที่บริเวณท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2563

โดยในส่วนของการยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมของนายธนาธรนั้น นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความในคดี ระบุว่าเป็นการยื่นในประเด็นของการขอให้มีการสอบพยานเพิ่มเติม ยืนยันว่าคำกล่าวของนายธนาธรไม่ได้ผิดตามที่กล่าวหา ซึ่งศาลอาญาก็ได้เคยวิเคราะห์ไว้ในคำวินิจฉัยแล้ว ว่าคำกล่าวของนายธนาธรไม่ได้เป็นการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ จึงขอให้มีการสอบสวนพยานเพิ่มเติม คือนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ซึ่งทางเจ้าตัวได้ตอบรับที่จะมาเป็นพยานให้นายธนาธรแล้ว

ส่วนการนัดหมายครั้งต่อไปกับพนักงานอัยการ จะมีขึ้นในวันที่ 27 ธันวาคม 2564 เป็นการนัดฟังว่าทางอัยการจะมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ หรือจะให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมตามที่ได้ยื่นคำร้องไปในครั้งนี้

ในการนี้ นายธนาธร ซึ่งได้เจอกับนางสาวชลธิชาโดยบังเอิญ ได้ร่วมพูดคุยสั้น ๆ กับนางสาวชลธิชา ให้กำลังใจและขอให้มีความเข้มแข็งกับการต่อสู้คดี โดยยืนยันว่าสิ่งที่นางสาวชลธิชาถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิด แท้จริงแล้วเป็นการกระทำโดยเจตนาที่ดี ที่ต้องการสื่อสารถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้มีการปฏิรูปให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น

ย้อนไปก่อนหน้านี้ กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยคำร้องนายณัฐพร โตประยูร ขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของนายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ชุมนุมปราศรัยเพื่อเสนอข้อเรียกร้องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง

โดยทางทนายความของผู้ถูกร้องได้นำพยาน คือ นายส.ศิวรักษ์ มาด้วย จึงขอให้ศาลช่วยบันทึกไว้ด้วย และขอเรียนด้วยความเคารพในฐานะเป็นผู้รับมอบอำนาจจึงต้องปฎิบัติตามคำสั่งของนายอานนท์

ต่อมาทางด้าน นางสาวปนัสสยา กล่าวกับศาลว่า วันนี้เรามาฟังคำวินิจฉัยโดยทนายของพวกเราเคยมีการยื่นขอศาลให้ดำเนินการไต่สวน หนูไม่ใช่นักเรียกกฎหมายก็อาจจะรู้น้อย แต่ก็เข้าใจว่าการได้มาซึ่งความยุติธรรม อย่างน้อยควรจะต้องรับฟังทุกอย่างเท่าที่จะรับฟังได้ ซึ่งวันนี้ อาจารย์ ส. ศิวลักษณ์ ได้มารออยู่ พร้อมที่เข้าไต่สวนหากศาลอนุญาต แต่ถ้าศาลไม่อนุญาตและให้รับฟังคำวินิจฉัย โดยที่หนูไม่มีโอกาสแสวงหาความจริงเพิ่มเติมให้รัฐธรรมนูญก็คงต้องขอออกจากห้องพิจารณาเช่นกัน