แสบสันต์!?!จีน-รัสเซียรุมเฉ่งสหรัฐฯตัวการแบ่งแยกโลก จัดซัมมิตประชาธิปไตยแก้เกี้ยวเสื่อมสุด

1214

กระแสข่าวไบเดนเชิญไต้หวันร่วม “ซัมมิตเพื่อประชาธิปไตย” ต้นเดือนหน้า เกิดแรงกระเพื่อมของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในโลกอย่างมีนัยสำคัญ สหรัฐฯยังคงยั่วยุจีนด้วยการชูบทบาทไต้หวันแม้จะให้คำมั่นว่ายอมรับจีนเดียว ขณะที่เมินไม่เชิญไทยและสิงคโปร์เข้าร่วม แต่เชิญประเทศในอาเซียนเช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์เหมือนจะบอก กลายๆว่านี่พวกเดียวกัน ส่อถึงการสร้างความแตกแยกทำลายพลังความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียนไปในตัว 

ทางด้านจีนและรัสเซียซึ่งก็ไม่มีชื่ออยู่ในบัญชีประเทศที่ได้รับเชิญเข้าประชุมเช่นเดียวกัน ออกมาตอบโต้อย่างโกรธเกรี้ยว โดยปักกิ่งประณามเรื่องที่เชิญไต้หวัน ส่วนมอสโกประณามว่าเป็นพฤติการณ์ที่มุ่งสร้างความแตกแยกทุกภูมิภาคโลก

วันที่ 25 พ.ย.2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานการประชุมที่เรียกว่า ‘การประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตย’ ของสหรัฐอเมริกาที่กำลังจะจัดขึ้นทางออนไลน์ ช่วงต้นเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ เป็นความพยายามที่จะวาดเส้นแบ่งใหม่และแยกโลกออกเป็นกลุ่มประเทศที่ “ดี” และ “แย่” ในมุมมองมาตรฐานประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกาไปทั่วโลก นับว่าเป็นการประเมินภายใต้แนวคิดที่ติดยึดว่า สหรัฐฯเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์โลกใบนี้ ทั้งนี้ปธน.โจ ไบเดนได้แสดงจุดยืนจากการแถลงนโยบายการต่างประเทศครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การจัดซัมมิตครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับรัสเซียและจีนทวีความตึงเครียดมากขึ้น

ในรายชื่อ 110 ประเทศและดินแดนที่ได้รับเชิญจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เข้าร่วมการประชุมแบบเสมือนจริงในวันที่ 9-10 เดือนหน้า อ้างเพื่อหยุดยั้งการถดถอยของประชาธิปไตยและการบ่อนทำลายสิทธิเสรีภาพทั่วโลก ตามคำโฆษณาของสหรัฐและตะวันตก ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการแถลงผลการสำรวจค่าความเป็นประชาธิปไตย โดยยอมรับว่าสหรัฐฯตกต่ำลงอย่างมาก และแยกประเทศที่ไม่ยอมสยบต่ออำนาจสหรัฐฯว่าเป็นประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย ใช้ลัทธิอำนาจนิยม

กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันแถลงข่าวอย่างชื่นมื่นว่า รัฐบาลจะส่งออเดรย์ ถัง รัฐมนตรีกระทรวงดิจิตอล และเซียว บีคิม ผู้เป็นเอกอัครราชทูตประจำวอชิงตันในทางพฤตินัย เข้าร่วมประชุม พร้อมสำทับว่า คำเชิญนี้ถือเป็นการรับรองความพยายามของไต้หวันในการส่งเสริมค่านิยมประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า “จีนคัดค้านอย่างหนักแน่น” เรื่องที่สหรัฐฯเชิญไทเปเช่นนี้ โดย เจ้า ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในการแถลงข่าวที่ปักกิ่งวันพุธ ที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า 

“การกระทำต่างๆ ของสหรัฐฯมีแต่เป็นการแสดงให้เห็นว่า ประชาธิปไตยเป็นเพียงเครื่องปกปิดกำบัง และเครื่องมือสำหรับให้สหรัฐฯ ผลักดันเดินหน้าไปตามวัตถุประสงค์ต่างๆ ทางภูมิรัฐศาสตร์ของตน คัดค้านต่อต้านประเทศอื่นๆ แบ่งแยกโลก และสนองผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น”

สำนักข่าวโกลบัลไทมส์ เผยแพร่บทบรรณาธิการว่า “การประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตยของโจ ไบเดนคือ การรวม’กลุ่มอุดมการณ์ต่อต้านจีน’ และคำจำกัดความของ ‘ลัทธิเผด็จการ’ ของสหรัฐฯนั้นล้าสมัยไม่รอบด้าน

วอชิงตันยังเผชิญหน้ากับปักกิ่งเรื่องสิทธิมนุษยชนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเมือง ในการใส่ร้ายนโยบายของจีนเกี่ยวกับซินเจียงและกิจการที่เกี่ยวข้องกับฮ่องกง สายเหยี่ยวอเมริกันใช้ประโยชน์จากปัญหาสิทธิมนุษยชนด้วยการเรียกร้องให้คว่ำบาตรโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2022 ที่ปักกิ่ง ซึ่งสะท้อนถึงวาระทางการเมืองของพวกเขาเองในการปราบปรามจีน

ฉู่ หยิง(Zhu Ying) ศาสตราจารย์ด้านสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศจาก Southwest University of Political Science and Law กล่าวว่า

“ในขณะที่แสงแดดส่องลงมาเป็นสีต่างๆ ภายในหยดน้ำ ประชาธิปไตยไม่สามารถเป็นสีเดียวหรือกำหนดโดยประเทศเดียวได้ ‘รายชื่อผู้เข้าร่วม’ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการประชุมสุดยอดที่เรียกว่าประชาธิปไตยนั้นไม่มีอะไรนอกจากการต่อต้านประชาธิปไตย มันคือการทำให้เป็นประชาธิปไตยทางการเมืองและมันเป็นเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์”   

สำหรับรัสเซียนั้น ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกของเครมลิน กล่าวว่า “จากรายชื่อแขกผู้ได้รับเชิญที่วอชิงตันเผยแพร่ออกมาคราวนี้ แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ เลือกที่จะสร้างเส้นแบ่งแยกเส้นใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่อแบ่งแยกประเทศต่างๆ ออกเป็นพวกตามมุมมองของสหรัฐว่าใครเป็นพวกนั้นดี และใครไม่เป็นพวกคือไม่ดี”

เปสคอฟ ย้ำว่า “เวลานี้ ประเทศต่างๆ จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เลือกที่จะตัดสินใจด้วยตัวพวกเขาเองว่าจะอยู่กันอย่างไร วอชิงตัน กำลังพยายามกำหนดระบบประชาธิปไตยตามแบบของเขาในประเทศอื่นๆ นี่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้หรอก และไม่ควรจะทำเช่นนั้น”

แม้แต่ผู้อำนวจการสร้างและผู้กำกับภาพยนตร์รางวัลออสการ์อย่าง โอลิเวอร์ สโตน ชาวอเมริกันยังส่ายหน้า เขากล่าวว่า “นั่นเป็นการโฆษณาชวนเชื่อแบบเก่าคร่ำครึ  สหรัฐอ้างว่า’เราเป็นโลกเสรี และรัสเซียและจีนไม่ใช่ และชาวอิหร่านและผู้ร้ายทั้งหมดอยู่อีกด้านหนึ่ง มันไม่ได้ผลหรอก ถ้าคุณไปประเทศเหล่านั้นคุณจะรู้ว่า ทุกประเทศเป็นญาติกัน คุณต้องเข้าใจ โลกมีสสารสีเทา มันไม่ใช่มีแต่ขาวดำ”

สโตนชี้ให้เห็นถึงบทบาทของเงินในการเมืองอเมริกัน และอ้างรายงานที่มีการใช้จ่ายเงินถึง 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการรณรงค์หาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดีและรัฐสภาสหรัฐฯ ในปี 2020 

สโตนฯย้ำว่า “เมื่อต้องใช้เงิน 14,000 ล้านดอลลาร์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี คุณสงสัยมั้ยว่านี่คือประชาธิปไตยแบบไหน? คุณจะไม่สามารถหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาคุยกับคุณได้ เว้นแต่คุณจะจ่ายเงิน และคุณต้องมีส่วนได้เสียทางธุรกิจ เป็นเรื่องยากมากในวอชิงตันที่จะได้รับความสนใจหากเป็นพลเมืองธรรมดา คุณต้องการเงิน ต้องการน้ำหนักในการวิ่งเต้น รัฐบาลของสหรัฐทุจริตโดยสิ้นเชิงอย่างที่เห็นๆกัน