ท่ามกลางการระดมกำลังของNATO นำโดยสหรัฐ ส่งกองเรือและอากาศยานเข้าสู่น่านน้ำทะเลดำอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆกับการป่าวร้องว่า รัสเซียจะบุกยูเครนสวนทางพฤติกรรมยั่วยุของของสหรัฐและอังกฤษ ที่เป็นฝ่ายรุกล้ำใกล้ชายแดนรัสเซียตลอด2 เดือนมานี้ ซึ่งรัสเซียจับตาอย่างใกล้ชิด ล่าสุด กองทัพรัสเซียส่งเครื่องบินขับไล่ ซู-30 ขึ้นขับไล่สกัดเครื่องบินจารกรรมของอังกฤษ ซึ่งบินปฏิบัติการเหนือน่านฟ้า ใกล้คาบสมุทรไครเมีย ที่รัสเซียผนวกดินแดนจากยูเครน เมื่อปี พ.ศ. 2557 ทำให้ปธน.ปูตินเริ่มหมดความอดทน
เมื่อวันที่ 12 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศทั้งฝั่งตะวันตกและรัสเซียต่างรายงานว่า แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ระบุว่า ปฏิบัติการรุกคืบของอังกฤษ เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมทางทหาร ของสหรัฐและกลุ่มชาติพันธมิตร ในภูมิภาคทะเลดำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แสดงความไม่พอใจ ในระหว่างการโทรศัพท์ทางไกล สนทนากับนางอังเกลา แมร์เคิล ผู้เนำเยอรมนี เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนเบลารุสเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ปูตินกล่าวกับแมร์เคิล ทางโทรศัพท์เมื่อวันพฤหัสบดี ว่า การกระทำของสหรัฐและกลุ่มชาติตะวันตกในภูมิภาคทะเลดำ ถือเป็นการบ่อนทำลาย อันตราย และยั่วยุ
กองทัพรัสเซียส่งเครื่องบินรบ ซูคอย ซู-30 ขึ้นประกบเครื่องบินสอดแนม โบอิ้ง อาร์ซี-135 ของอังกฤษ ขณะที่พยายามบินเข้าใกล้คาบสมุทรไครเมีย และเครื่องบินของอังกฤษได้หันเหทิศทางออกจากไครเมีย หลังจากเครื่องบินรบรัสเซียบินประกบเข้าหา
แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าวอีกว่า นอกจากเครื่องบินจารกรรมของอังกฤษแล้ว ในระยะ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ยังมีความเคลื่อนไหวของเรือรบกองทัพสหรัฐ 2 ลำ เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ 1 ลำ และเครื่องบินสอดแนมอีก 3 ลำ ของชาติสมาชิกอื่นๆขององค์การนาโต ในภูมิภาคทะเลดำด้วย
ความเคลื่อนไหวของนาโตเหล่านี้ เป็นความพยายามสำรวจพื้นที่ สำหรับการทำสงครามที่อาจเกิดขึ้นได้โดยง่าย โดยเฉพาะหากยูเครนใช้กำลังทหารยึดคืนภูมิภาคดอนบาส ทางภาคตะวันตก ที่สูญเสียการควบคุมให้กับกลุ่มนิยมรัสเซียตั้งแต่ปี 2557
ความกลัวของวอชิงตันเกี่ยวกับศักยภาพในทางทหารของรัสเซียเกิดขึ้นในช่วงความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและกลุ่มนาโตที่นำโดยสหรัฐฯ ตกต่ำเป็นประวัติการณ์
ดมิททรี โปเลียนสกี (Dmitry Polyanskiy)รองเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ข้อกังวลของวอชิงตันนั้นไม่มีมูลความจริงเลย และตั้งข้อสังเกตว่ากองกำลังติดอาวุธของประเทศ มีสิทธิ์ที่จะส่งทหารไปที่ใดก็ได้ภายในพรมแดนของประเทศตัวเอง
เขาย้ำว่า“รัสเซียไม่เคยวางแผนการบุกรุกและไม่มีวันจะทำ เว้นแต่เราจะถูกยูเครนหรือใครก็ตามมายั่วยุ และมันเป็นเรื่องของการปกป้องอธิปไตยของชาติของเรา”
รายงานดังกล่าวมีขึ้นหลังจากนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวหาว่ารัสเซียกำลังรวบรวมกองกำลังที่ชายแดนยูเครน โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสหรัฐฯเมื่อวันพุธว่า “วอชิงตันเป็นกังวล”และกล่าวว่า“เราไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับความตั้งใจของมอสโก การกระทำที่ยกระดับหรือก้าวร้าวใด ๆ จะเป็นความกังวลอย่างร้ายแรงต่อสหรัฐอเมริกา”
วิคเตอร์ โวโดลาสกี (Viktor Vodolatsky) ส.ส.แห่งรัสเซียรองหัวหน้าคนแรกของคณะกรรมการรัฐสภาด้าน CIS Affairs, Eurasian Integration ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่า พฤติกรรมของสหรัฐและพันธมิตร สะท้อนให้เห็นถึงแผนการของ NATO เพื่อการสร้างความขัดแย้งในยูเครนเขากล่าวว่า“ทั้งหมดนี้ทำได้โดยมีเป้าหมายเพียงเป้าหมายเดียว เพื่อให้ยูเครนมีส่วนร่วมในสงคราม โดยตระหนักว่ารัสเซียจะไม่ยอมเมินเฉยต่อเรื่องนี้”