จากเสื้อแดงสู่3นิ้ว! คุกคามข่มขู่ตลก.ศาลรธน. ย้อนบทเรียน “เจ๋ง ดอกจิก” โดนฟ้องติดคุกมาแล้ว
จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้อ่านคำวินิจฉัยคำร้องนายณัฐพร โตประยูร ขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของนายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ชุมนุมปราศรัย เพื่อเสนอข้อเรียกร้องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง
ล่าสุดทางด้าน นายจรัญ ภักดีธนากุล ผู้อำนายการหลักสูตรนิติศาสตร์มหาบัณทิต มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการบรรยายพิเศษ ให้กับนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมือง และการเลือกตั้งระดับสูงรุ่นที่ 12 ในหัวข้อธรรมาภิบาลกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปด้านการเมือง
โดยในช่วงท้าย ของการบรรยาย มีนักศึกษา ถามถึงความเห็นต่อคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการล้มล้างการปกครอง นายจรัญ ได้กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลดังกล่าวเชื่อว่า ต้องการจะออกมาเตือน ป้องปรามว่าการกระทำของกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวไม่มีขอบเขตผิดกฎหมายและมีความผิดระดับร้ายแรงเพราะหากถือตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ถือว่าร้ายแรงมากจึงเหมือนอยากจะให้ถอยกันให้หมด
นายจรัญ กล่าวว่า คำวินิจฉัยก็ชัดเจนว่ามีผลเฉพาะคนที่ทำผิดคือผู้ถูกร้องทั้ง3คนเท่านั้นไม่มีผลผูกพันคนอื่น แต่ยอมรับว่าอาจจะมีคนตกใจโดยเฉพาะกลุ่มเครือข่ายที่เคยสนับสนุน เพราะที่ผ่านมาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร แต่ครั้งนี้คำวินิจฉัยถูกแยกออกเป็นสองส่วนคือคำวินิจฉัยที่เป็นประเด็นโดยตรง(มีผลผูกพันกับทุกองค์กร)และคำวินิจฉัย ที่การนำประเด็นต่างๆมาขยายเหตุผลว่าศาลได้ผ่านกระบวนการความคิดประมวลมาต่างๆจึงนำมาแสดงเหมือนชักแม่น้ำทั้ง5 มาให้ประชาชนได้ทราบ เพราะศาลยึดหลักมาโดยตลอดว่า ศาลจะไม่ชี้แจงหลังการพิจารณา ดังนั้นเหตุผลที่เป็นองค์ประกอบจึงไม่มีผลผูกพัน
นายจรัญ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะอ่านคำวินิจฉัย มีสื่อมวลชนมาสัมภาษณ์ เกี่ยวกับประเด็นการเสนอแก้ ม.112 ซึ่งตนไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิกและแก้ไข และบังเอิญว่าสอดคล้องและเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับศาลรัฐธรรมนูญ
“ยอมรับว่า ถูกขู่ เช่นกัน แต่ขอบอกเลยว่าไม่มีใครเค้ากลัวคำขู่หรอกครับ คนทำงานมาถึงขนาดนี้ พร้อมที่จะตายได้ทุกวัน เพราะตอนนี้ อยู่ก็ถือเป็นกำไร แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คือของจริง ไม่ใช่คำขู่ ผมขอวิเคราะห์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ว่า ต้องการปรามเพราะไม่ต้องการให้ลุกลาม ไปมากกว่านี้ เพราะถ้าคุณไม่พอใจรัฐบาล คุณก็โค่นล้มรัฐบาลไป ไม่ควรต้องมาเกี่ยวข้องกับประมุขของชาติ ดังนั้น ขออย่าตกใจ และขอให้มั่นใจว่า คนในวงการตุลาการจะไม่บ้าจี้ ใก้เกิดความรุนแรงทางใดทางหนึ่ง และมั่นใจว่าเมื่อคำตัดสินออกมาแบบนี้ เหตุการณ์จะสงบขึ้น”
ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2555 แกนนำคนเสื้อแดง ขึ้นปราศรัยโจมตีการทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมข่มขู่และแจกเบอร์ของตุลาการทั้ง 8คนกลางเวทีปราศรัยของคนเสื้อแดงที่บริเวณหน้ารัฐสภานั้น โดยนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ก็ได้ขึ้นเวที กล่าวขอโทษองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกลางเวทีปราศรัย ที่ได้นำประวัติ และบ้านพัก พร้อมเบอร์โทรศัพท์ มาบอกกับพี่น้องประชาชน
ภายหลัง นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รู้สึกกังวลต่อการกระทำของนายศวริศว่า มีเนื้อหาส่อไปในทางหมิ่นประมาท และคุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยระบุชื่อภรรยาและบุตร เบอร์โทรศัพท์ รวมถึงที่อยู่ของตุลาการฯ
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2555 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมอบหมายสำนักอำนวยกิจการศาลรัฐธรรมนูญนำเอกสารหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบรรดาแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ได้ประมวลเรื่องการเข้าแจ้งความของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อเสนอ พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. และพล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. เพื่อพิจารณาสั่งการตามลำดับชั้นแล้ว
ในการแจ้งความครั้งนี้ทางศาลรัฐธรรมนูญได้แจ้งความให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับบรรดาแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งหมด 5 คน ได้แก่ 1.นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก 2.จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย 3.นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย 4.นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ และ 5.นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ นักจัดรายการวิทยุชมชน
ทั้งนี้ สำหรับนายวุฒิพงศ์ นั้นถูกกล่าวหาใน 2 กรณี คือ กรณีร่วมกับพวกอีก 26 คน เข้าแจ้งความที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี และกรณีร่วมกับพวก 50 คน ชุมนุมเผาโลงจำลองตุลาการ 9 คนที่หน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาที่แจ้งความดำเนินคดีกับบรรดาแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นเป็นข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการแจ้งความเท็จ ดูหมิ่นเจ้าพนักงานตุลาการ และข่มขู่
ต่อมา นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นหลักฐานประกอบคำร้องเพิ่มเติมในคดีขอให้ศาลเพิกถอนการประกันตัวนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำ นปช. เป็นซีดีและวีซีดีซึ่งนายยศวริศได้ปราศรัยโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ จำนวน 5 ครั้ง ให้ศาลตรวจสอบ เพื่อชี้ให้เห็นว่านายยศวริศมีพฤติกรรมการไม่เคารพศาล และยังปราศรัยซ้ำซากในการโจมตีองค์กรต่างๆ ต่อมา ศาลก็ได้มีคำสั่งถอนประกันนายยศวริศ โดยเจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์ 4 นายได้ควบคุมตัวนายยศวริศออกจากห้องพิจารณาคดี ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2556 ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวน 200 คน ที่ นำโดย นายพงษ์พิสิษฐ์ คงเสนา หรือ เล็กบ้านดอน ผู้อำนวยสถานีวิทยุคนไทยหัวใจเดียวกัน ปักหลักชุมนุมกดดันเรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ยุติการทำหน้าที่โดยเด็ดขาด ต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 2 โดยมีการตั้งเต็นท์และเวทีถาวร และแกนนำก็สลับสับเปลี่ยนขึ้นปราศรัยกล่าวโจมตีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของนายจรัญ ภักดีธนากุล อย่างเผ็ดร้อน ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจจากนครบาล ทั้งในและนอกเครื่องแบบ รวมทั้งกองร้อยปราบจลาจลจำนวน 1 กองร้อย เฝ้าระวังและดูแลความปลอดภัย อย่างไรก็ตามการชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุรุนแรงใด
ต่อมาในช่วงเย็น กลุ่มผู้ชุมนุมได้ออกแถลงการณ์ในนามกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 13 สถานี ผ่านนางอรรถพร เลาหสุรโยธิน ผู้อำนวยการกลุ่มงานบริหารทั่วไป สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โดยในแถลงการณ์ดังกล่าว ได้ระบุว่า ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนทบทวนบทบาทและหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที พร้อมทั้งแถลงการณ์ขอโทษประชาชนทั้งประเทศ ขณะเดียวกันต้องมีจัดการคัดเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน โดยให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทั่วประเทศ หากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง9คน ยังไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องภายในเวลา 20.00น. ในวันที่ 24 เม.ย.ก็จะมีการยกระดับปิดล้อมสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญต่อไป