ไทยกระหึ่มโลก!!สื่อนอกตีข่าวดัง โซลาร์เซลล์ลอยน้ำใหญ่ที่สุดในโลกที่เขื่อนสิรินธร

1748

หลัง กฟผ. เปิดใช้โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดใหญ่ที่สุดในโลก เขื่อนสิรินธร สื่อต่างชาติเช่นสำนักข่าวบลูมเบิร์กของอเมริกาและสำนักข่าวซินหัวของจีนตลอดจนสื่อออนไลน์-โซเชียลมีเดียหลายแห่ง ได้ลงข่าวแพร่หลายให้ชาวโลกรับรู้พร้อมชื่นชมวิสัยทัศน์ผู้นำไทย และความตั้งใจจริงในการลดโลกร้อนอย่างเป็นรูปธรรมของไทย  

โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร นับเป็นก้าวย่างสำคัญในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ตามแผนของไทย ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ประกาศวิสัยทัศน์ไว้ในเวทีประชุมโลกร้อน COP26 เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

“การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)” เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำ ร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี (Hydro-floating Solar Hybrid) หรือ โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด เขื่อนสิรินธร ขนาดกำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ได้เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าแห่งนี้ เป็นโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดประมาณสนามฟุตบอล 70 สนาม มีแผงโซลาร์เซลล์มากถึง 145,000 แผง แบ่งออกเป็น 7 ชุด บนพื้นที่ผิวน้ำในเขื่อนไม่ถึง 1% ของพื้นที่อ่างเก็บน้ำทั้งหมด โดยเลือกใช้แผงโซลาร์เซลล์ และทุ่นลอยน้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งหมด ไม่ส่งผลกระทบกับระบบนิเวศใต้น้ำ

สามารถผลิตไฟฟ้าจากทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ ในเวลากลางวัน และพลังน้ำจากเขื่อนที่มีอยู่เดิม มาผลิตไฟฟ้าในช่วงที่ไม่มีแสง หรือเสริมความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในช่วงค่ำ อีกทั้งยังใช้ระบบส่งไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ รวมถึงพื้นที่ผิวน้ำในเขื่อนสิรินธร ที่มีอยู่เดิม ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเต็มประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายลงได้ ทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้ามีราคาต่ำ โดยวางแผงโซลาร์เซลล์ให้มีมุมเอียง มีช่องว่างระหว่างแผงและทุ่นลอยน้ำ แสงแดดสามารถลอดผ่านลงในน้ำได้ จึงไม่กระทบกับระบบนิเวศใต้น้ำ

รายงานระบุว่าโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ที่เขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ก่อสร้างโดยบริษัท บี. กริม พาวเวอร์ จำกัด (B. Grimm Power) ของไทย ร่วมกับบริษัท ไชน่า เอเนอร์จี เอ็นจิเนียริง คอร์ป (China Energy Engineering Corp) ของจีน โครงการนี้ผสมผสานโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำที่สร้างขึ้นใหม่กับโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่มีอยู่เดิม มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ลอยน้ำกว่า 144,000 แผ่น บนพื้นที่ 120 เฮกตาร์ (ราว 750 ไร่) ภายในอ่างเก็บน้ำ โดยคาดการณ์ว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่โครงข่ายระดับประเทศสูงสุด 45 เมกะวัตต์

โรงไฟฟ้าแห่งนี้ออกแบบมาเพื่อผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์และกังหันน้ำของเขื่อน ช่วยเพิ่มความต่อเนื่องของการผลิตไฟฟ้า รวมถึงลดทอนความผันผวนและความไม่แน่นอนในกระบวนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งมักมีปัจจัยด้านสภาพอากาศเข้ามาเกี่ยวข้อง

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เผยว่าโครงการฯ ผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในตอนกลางวัน และจากพลังงานน้ำในตอนกลางคืน ส่งผลให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น ขณะเมิ่งชุนเหว่ย รองหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมระหว่างประเทศจากไชน่า เอเนอร์จี เอ็นจิเนียริง สาขาซานซี ระบุว่าโครงการฯ จะช่วยไทยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลง 47,000 ตันต่อปี

รัฐบาลไทยวางแผนเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคการบริโภคพลังงานเป็นร้อยละ 35 ภายในปี 2037 โดยหลังจากความสำเร็จของโรงไฟฟ้าไฮบริดแห่งนี้ กฟผ. ได้ประกาศแผนตั้งโครงการแบบเดียวกันเพิ่มอีก 15 แห่งทั่วประเทศ ด้วยเป้าหมายบรรลุกำลังการผลิตรวม 2,725 เมกะวัตต์ตามแผนการพัฒนาพลังงานของไทยฉบับปัจจุบัน

บุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการกฟผ. ระบุว่าโครงการฯ จะยกระดับความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของไทย และส่งมอบพลังงานสะอาดเพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน

ด้านสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่าโครงการฯ ทำหน้าที่เป็นต้นแบบการขยายความมั่นคงด้านพลังงานหมุนเวียน และเป็นศูนย์การเรียนรู้สำหรับนักวิชาการและประชาชนทั่วไปด้วย

นอกจากนี้แผนการทำให้โรงไฟฟ้าไฮบริดแห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตั้งแต่ต้นปีหน้า ซึ่งจะมีบทบาทในการสร้างงาน สร้างเสริมรายได้ให้ประชาชนท้องถิ่น ตลอดจนกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่