พังทั้งขบวนแน่! “ปิยบุตร” รู้ชะตา ผวาหลุดปาก ถ้าแกนนำถูกตัดสินผิด แก้ 112 ก็ไม่มีวันสำเร็จ!

1783

หลังจากที่มีรายงานว่า บ่ายวันนี้ (10 พ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการนัดอ่านคําวินิจฉัย เรื่อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กรณีนายอานนท์ นำภา นายภานุพงศ์ จาดนอก และนางสาว ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนวงศ์ ปราศรัยชุมนุม 10 ส.ค. 2563 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีคำสั่งคุมเข้มความปลอดภัยอย่างเข้มงวด จนถึงเวลา 23.59 น.

ต่อมาทางด้านอ.ณฐพร โตประยูร ได้เปิดเผยถึงประเด็นนี้ว่า ที่ผ่านมาได้รวบรวมพยานหลักฐาน ตามกระแสข่าว มีหลักฐานการรับเงินจาก NGO ต่างประเทศด้วย ไปยื่นร้องแกนนำม็อบ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดว่า

 

 

“บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้” โดยคดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินวันนี้ และมีความสำคัญมาก จะเป็นบรรทัดฐานว่า การที่ม็อบเรียกร้องเรื่อง ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ จะเข้าข่าย เป็นการ “ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” หรือไม่

ขณะที่ในเพจเฟซบุ๊ก แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า “ช่วยกันจับตาการวินิจฉัย ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เท่ากับการล้มล้างการปกครองหรือไม่! วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน เวลา 13:00 น. มารวมตัวกันนั่งฟังคำวินิจฉัย ณ อาคารเอ ประตูสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

อย่านิ่งดูดาย ปล่อยให้รัฐตัดสินใช้กฎหมายที่มีโทษร้ายแรงถึง “ประหารชีวิต” มาปิดปากเพื่อนของเราที่เปิดหน้าสู้ด้วยมือเปล่า มาร่วมนั่งฟังคำวินิจฉัยกันให้ชัด ๆ แล้วให้มันรู้กันไปว่ารัฐจะผลักเราเป็นกบฏ ทั้งที่เราเพียงเรียกร้องประเทศที่ดีกว่า และสถาบันกษัตริย์ที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ พบกัน นั่งฟังในสถานที่จริง! ช่วยกันส่งเสียงเราไม่ใช่กบฏ!! #ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง”ทำให้น่าติดตามถึงการเคลื่อนไหวกลุ่มม็อบที่จะเดินทางไปปักหลักยังศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะมีการสร้างสถานการณ์ความปั่นป่วนหรือไม่

และล่าสุดนายปิยบุตร ได้เคลื่อนไหว ทวีตข้อความ ถึงบรรดาแกนนำ 3 นิ้ว โดยระบุว่า “คดีนี้มีความสำคัญ เป็นหมุดหมายในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ส่งผลทางการเมืองอย่างมหาศาล หากประตู #ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ถูกปิดลง ก็เท่ากับว่าการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เพื่อให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยหรือ ก็ถูกปิดลงไปด้วย”

“ปฏิรูป” ไม่ใช่ “ล้มล้าง” แต่ถ้าคนเรียกร้อง “ปฏิรูป” คือ “ล้มล้าง” หรือนำไปสู่ “ล้มล้าง” นั่นเท่ากับว่าบีบให้เลือก 1 ไม่ปฏิรูป เพื่อไม่ใช่ล้มล้าง หรือ 2 ล้มล้างให้ราบเป็นหน้ากลอง เพื่อไม่ให้ใครบอกว่าเป็นล้มล้าง คำตัดสินของคนไม่กี่คนขี้ชะตาประเทศ ประตูปฏิรูปมี อย่าปิดประตูปฏิรูป

อย่างไรก็ตาม หากวันนี้มีคำวินิจฉัยว่า 3 แกนนำม็อบราษฎร มีความผิดฐานล้มล้างการปกครองจริง การจะดันแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคการเมือง และนักการเมืองที่เคยหนุนม็อบ น่าจะทำไม่มีทางเป็นไปได้ รวมทั้งหลักฐานต่าง ๆ ที่อ.ณฐพร โตประยูร ได้ยื่นต่อศาลไปทั้งหมดนั้น อาจจะสาวถึงตัวการ นายทุนเบื้องหลัง ที่งานนี้อาจจะทำให้การขับเคลื่อนของม็อบ 3 นิ้ว จบสิ้นทั้งขบวนการด้วย