“ก้าวไกล” หนักถูก บ.กัลฟ์ ฟ้องปมซักฟอกไทยคม! โรมกระอักโดน2เด้ง อาญาพ่วงแพ่ง เรียก100 ล้าน!

2454

“ก้าวไกล” หนักถูก บ.กัลฟ์ ฟ้องปมซักฟอกไทยคม! โรมกระอักโดน2เด้ง อาญาพ่วงแพ่ง เรียก100 ล้าน!

จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (7 พฤศจิกายน 2564)  นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีบริษัท กัลฟ์ฯ ฟ้องดำเนินคดีนายรังสิมันต์ โรม และพรรคก้าวไกลข้อหาหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย100 ล้านบาท โดยระบุข้อความว่า กรณีกัลฟ์ฯ ฟ้องผมและพรรคก้าวไกลข้อหาหมิ่นประมาท ยืนยันพร้อมสู้คดี ชี้การตรวจสอบรัฐบาลต้องไม่ถูกด้อยประสิทธิภาพ

ในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ของพรรคก้าวไกลวันนี้ (7 พฤศจิกายน 2564) เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ผมได้แจ้งต่อสื่อมวลชนถึงกรณีที่บริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ฟ้องคดีต่อพรรคก้าวไกลและผม สืบเนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีดาวเทียมไทยคม ที่ผมได้อภิปรายต่อคุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา โดยการฟ้องดังกล่าวมี 3 คดีด้วยกัน คือ
1. ฟ้องพรรคก้าวไกลในฐานะผู้เผยแพร่การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนั้น ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
2. ฟ้องผมในฐานะผู้อภิปรายและนำสิ่งที่อภิปรายมาเผยแพร่ต่อ ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาเช่นเดียวกัน
3. ฟ้องละเมิดเป็นคดีแพ่งต่อผม เรียกค่าเสียหายมูลค่า 100 ล้านบาท
ซึ่งอันที่จริงแล้วผมไม่ใช่คนแรกที่ถูกฟ้องในลักษณะนี้ โดยก่อนหน้านี้บริษัทกัลฟ์ฯ ก็เคยฟ้องคุณเบญจา แสงจันทร์ เพื่อน ส.ส. จากพรรคก้าวไกล จากกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องนโยบายพลังงานและการให้สัมปทานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผมขอเรียนว่าสิ่งที่ผมและพรรคก้าวไกลพยายามทำในบทบาทหน้าที่ของฝ่ายค้านก็คือการตรวจสอบรัฐบาล โดยส่วนตัวผมเมื่อถูกฟ้องมาก็จะต่อสู้คดีต่อไป ทว่าเมื่อมองถึงประโยชน์ต่อสาธารณะแล้ว หากมีเรื่องแบบนี้ถือปฏิบัติกันเรื่อยไปแล้ว ย่อมส่งผลกระทบต่อการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะในเวทีสำคัญอย่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยฝ่ายค้าน หากไม่อาจพาดพิงต่อบุคคลภายนอกได้แล้ว ก็แทบจะไม่สามารถตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลได้เลย เพราะไม่ว่าจะในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ความผิดพลาดในเชิงนโยบาย หรือการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมของรัฐบาล การกระทำเหล่านี้ล้วนต้องเกี่ยวพันกับบุคคลภายนอกทั้งสิ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องพาดพิงบุคคลภายนอกด้วย แต่ถึงที่สุดแล้วการอภิปรายไม่ไว้วางใจของเรายังคงมุ่งเป้าไปที่รัฐบาลเป็นสำคัญ
ในการอภิปรายเรื่องดาวเทียมไทยคมของผมก็เช่นกัน จุดมุ่งหมายสำคัญของผมคือการตรวจสอบรัฐมนตรีคือคุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ผมไม่ปฏิเสธว่าได้พาดพิงถึงบุคคลภายนอก ถึงบริษัทข้างนอกด้วย แต่การพาดพิงดังกล่าวก็เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐมนตรีชัยวุฒินั้นเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนอย่างไร ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มทุนข้างนอกจะรู้เห็นด้วยเสมอไป อีกทั้งในการอภิปรายครั้งนั้นเอง ผู้ทำหน้าที่ประธานสภาในช่วงเวลาก็ยังให้ผมสามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไปได้อย่างครบถ้วน ดังนั้นผมยังคงยืนยันในการทำหน้าดังกล่าว และขอฝากให้สังคมได้พิจารณาด้วยว่าการฟ้องคดีกันแบบนี้กำลังส่งผลให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือการตรวจสอบรัฐบาลในรูปแบบต่างๆ ถูกสกัดขัดขวางให้เสื่อมประสิทธิภาพหรือไม่
ผมและพรรคก้าวไกลขอยืนยันว่าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น แม้เราจะถูกดำเนินคดีไม่ว่าจะเป็นอาญาหรือแพ่ง แต่เราเชื่อมันว่าจะชนะในทุกคดี เชื่อว่าการทำหน้าที่ของเราเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ผมยังมั่นใจว่าในท้ายที่สุดเราจะสามารถใช้กระบวนการยุติธรรมในการพิสูจน์ให้เห็นว่านี่คือการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน และเรามีความจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องทำหน้าที่แบบนี้ โดยหากมีการพาดพิงบุคคลภายนอก ท่านย่อมสามารถใช้สิทธิอธิบายชี้แจงได้เสมอ แต่หากถึงขนาดฟ้องคดีกันเช่นนี้ก็ขอพิสูจน์กันในศาลต่อไป