ไมค์พบรักระหว่างอยู่ในคุก หยอดสุดหวาน “เขาใกล้ออกแล้ว หวังได้เจอกันข้างนอกคงดี”

5329

จากที่บรรดาแกนนำม็อบถูกกุมขังอยู่ที่เรือนจำ เป็นเวลาหลายสิบวันแล้ว จากการฝ่าฝืนเงื่อนไขการประกันตัวหลายครั้ง เพราะเมื่อได้รับการปล่อยตัวก็มักทำผิดคดีเดิมนั่นคือ มาตรา112 ซ้ำหลายครั้ง ซึ่งวันนี้มีความเคลื่อนไหวในเรือนจำที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง!!!

โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564  นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน  โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กโดยระบุว่า

“เยี่ยม ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก ที่เรือนจำวันนี้ ไมค์ยังคงเข้มแข็งและเฮฮา ได้ข่าวว่า พบรักระหว่างรบจริงไหม? บ้าพี่!! แค่เพื่อนสนิทครับ เขาตอบผมพลางหัวเราะไป เดิมไมค์เคยคิดว่าตัวเองอาภัพรักนะ แต่พอเข้ามาในนี้ดันมาเจอเขา มันเป็นเรื่องบังเอิญมากๆหรือพรหมลิขิตนะ

เขาใกล้จะออกแล้วนะพี่ ถ้าไมค์ได้ออกไปก่อนเขาและได้ไปเจอเขาข้างนอกก็คงดี สถานการณ์ด้านในหนักนะพี่ ตอนนี้กังวลกันไปหมดกลัวเรื่องโควิด มันไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ใครติดหรือไม่ อยู่ข้างในระวังตัวยากกว่าอยู่ข้างนอก ยังไงก็ระมัดระวังตัวนะน้อง ผมบอกเขา

จากนั้นผมก็อัพเดตเรื่องแนวทางคดีและแนวทางการยื่นขอประกันตัวครั้งต่อไป ตลอดการสนทนาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หวังว่าเราจะได้เจอกันข้างนอกเร็ว ๆ นี้”

ด้านเฟซบุ๊กศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความ เผยแพร่ถึงคดีความของไมค์ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 ด้วยว่า ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี รองผู้กํากับการ (สอบสวน) สน.บางเขน ในฐานะคณะพนักงานสืบสวนเดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหากับภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์” สืบเนื่องจากการจัดขบวนแห่ และขึ้นกล่าวปราศรัยให้กำลังใจ 8 ผู้ต้องหา ผู้ได้รับหมายเรียกในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 ในคดี ม็อบ29พฤศจิกา ซึ่งทั้ง 8 คนเดินไปทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.บางเขน เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563

 

โดย ภาณุพงศ์ ได้เดินทางมาถึงที่บริเวณลานจอดรถด้านหน้า สน.บางเขน โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมได้พากันมารวมตัวกันที่ลานจอดรถด้านหน้า สน.บางเขนเป็นจํานวนมาก มีการจัดกิจกรรม กางเต็นท์ แสดงดนตรี และมีการตั้งเป็นขบวนแห่ ลักษณะคล้ายการแห่ขันหมาก จากบริเวณทางเข้าหน้าหมู่บ้านอัมรินทร์ แล้วพากันเดินขบวนมายังด้านหน้า สน.บางเขน โดยมีการดัดแปลงรถจักรยานยนต์ (ซาเล้ง) จํานวน 2 คัน มาจอดชิดกันดัดแปลงให้เป็นเวที โดยมีการใช้เครื่องขยายเสียง และมีลําโพงขนาดใหญ่ติดตั้ง หลังจากนั้นแกนนําในกลุ่มผู้ชุมนุมนี้ได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัย

ทั้งนี้ พ.ต.ท.สราวุธ ได้แจ้งข้อกล่าวกับภาณุพงศ์ รวม 4 ข้อหา คือ ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ มาตรา 10, ร่วมกันชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานที่ทําการหน่วยงานของรัฐ

 

ฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ มาตรา 8, ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ มาตรา 4 และร่วมกันกระทําการหรือดําเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป ฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มาตรา 34 (6)  ซึ่งภาณุพงศ์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเป็นเอกสารในภายหลัง โดยไม่ลงชื่อในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา”

นอจากนี้ยังพบว่าเมื่อต้นเดือน คือวันที่ 1 เมษายน 2564 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ก็โพสต์ข้อความเรื่องราวของไมค์ โดยระบุบันทึกจากการเข้าเยี่ยม นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครซึ่งมีบางช่วง ว่า

“ปาอาหารหมา หน้า สภ.คลองหลวงวันที่ 14 ม.ค. 64 คืนวันจับกุมสิริชัย นาถึง จากการพ่นสี เป็นคดีมาตรา 112 ล่าสุดของไมค์ภาณุพงศ์ จาดนอก ซึ่งเป็นคดีมาตรา 112 คดีที่ 8 ของเขาแล้ว

เราถามความรู้สึกของไมค์หลังจากถูกควบคุมตัวที่เรือนจำเข้าสู่วันที่ 25 แล้ว เขาพูดคุยด้วยสีหน้าไม่ได้เคร่งเครียดอะไร รู้สึกเริ่มปรับตัวในเรือนจำได้ ชินกับกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยที่รู้อยู่แล้วว่าต้องเข้ามาเหมือนเล่นเกม รู้อยู่แล้วว่าต้องมีแพ้ มีชนะ แต่ไมค์ว่ายังไม่ถึงจุดจบของเกม เกมยังไม่ Over ยังมีอีกหลายครั้งที่เราต้องสู้ และเปลี่ยนแผนต่อสู้ได้เสมอ

เราเล่าให้ไมค์ฟังว่าวันก่อนที่ไปเยี่ยมรุ้ง รุ้งบอกว่าไมค์ร้องไห้ อ้อ วันนั้นที่ศาล (29 มีนาคม 2564) ร้องไห้เพราะรู้สึกว่าทำไมเราต้องเป็นเหมือนขอทาน อ้อนวอนกับสิ่งที่ควรจะได้ เรารู้สึกว่าทุกคนต้องนั่งอ้อนวอนเพื่อขออิสรภาพกับผู้ที่เรียกตัวเองว่าผู้ผดุงความยุติธรรม”