สถานการณ์ความมั่นคงในเอเชียตะวันออกทวีความคุกรุ่นหลังจากที่เกาหลีเหนือโชว์ศักยภาพยิงทดสอบขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ (submarine-launched ballistic missile – SLBM) รุ่นใหม่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่บ่งชี้ว่า โสมแดงอาจมีเรือดำน้ำติดขีปนาวุธพร้อมประจำการในอนาคตอันใกล้ และยังสะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศการแข่งขันด้านอาวุธในเอเชียตะวันออกที่นับวันจะรุนแรงขึ้น
สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือรายงานว่า ขีปนาวุธ SLBM รุ่นใหม่จะช่วยให้เทคโนโลยีด้านกลาโหมของเกาหลีเหนือพัฒนาสู่ขั้นสูง และยกระดับศักยภาพในการปฏิบัติภารกิจใต้น้ำของกองกำลังนาวีโสมแดง
ผู้นำ คิม จองอึน ไม่ได้เดินทางไปชมการทดสอบครั้งนี้ด้วยตนเอง ซึ่งนักวิเคราะห์ตีความว่า สื่อแสดงถึงความตั้งใจของเปียงยางที่จะทดสอบอาวุธในลักษณะนี้ให้สม่ำเสมอจนกลายเป็นเรื่องปกติ
คณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ (JCS) ระบุว่า ขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงขึ้นจากกลางทะเลนอกชายฝั่งเมืองซินโป (Sinpo) ของเกาหลีเหนือ เมื่อเวลาประมาณ 10.17 น. ของวันที่อังคารที่ 19 ต.ค. โดยเมืองซินโปนั้นเป็นที่ตั้งอู่ต่อเรือขนาดใหญ่ และจากภาพถ่ายดาวเทียมในอดีตเผยให้เห็นว่ามีเรือดำน้ำหลายลำ และเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับทดสอบ SLBM ถูกเก็บไว้ที่นี่
เคซีเอ็นเอระบุว่า ขีปนาวุธ SLBM รุ่นใหม่นี้ถูกยิงจากเรือดำน้ำลำเดียวกับที่เคยใช้ทดสอบ SLBM รุ่นก่อนหน้าเมื่อปี 2016 และยังเผยแพร่ภาพนิ่งขณะที่เรือดำน้ำโผล่ขึ้นมาจากทะเลเพื่อสยบข้อสงสัยของพวกนักวิเคราะห์ที่ปรามาสว่าขีปนาวุธอาจถูกยิงขึ้นมาจากเรือท้องแบน (barge) ที่จมน้ำอยู่มากกว่า
เคซีเอ็นเอยังอ้างอีกว่า ขีปนาวุธรุ่นนี้มีศักยภาพล้ำสมัยหลายอย่าง รวมถึงคุณสมบัติที่เรียกว่า ‘flank mobility’ และ ‘gliding skip mobility’ ซึ่งช่วยให้ขีปนาวุธสามารถเปลี่ยนวิถีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับ หรือการยิงสกัดได้ดียิ่งขึ้น
จอห์น เดมป์ซีย์ นักวิจัยด้านกลาโหมจากสถาบันระหว่างประเทศว่าด้วยยุทธศาสตร์ศึกษา (IISS) ให้ความเห็นผ่านทางทวิตเตอร์ว่า ขนาดของ SLBM ที่เล็กลงนอกจากจะช่วยให้ติดตั้งบนเรือดำน้ำได้มากขึ้นแล้ว ยังช่วยลดความยุ่งยากในการออกแบบเรือดำน้ำติดตั้งขีปนาวุธ (SSB) และง่ายต่อการเอาเรือดำน้ำรุ่นเดิมที่มีอยู่แล้วมาดัดแปลงให้ใช้ร่วมกันได้
องค์กรนิวเคลียร์ทรีต อินนิชิเอทีฟ(Nuclear Threat Initiative) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรในสหรัฐฯ เคยประเมินไว้ว่า การครอบครองเรือดำน้ำติดขีปนาวุธและ SLBM จะช่วยให้เกาหลีเหนือมีทางเลือกในการยิงหัวรบนิวเคลียร์เพิ่มขึ้น และช่วยปกป้องระบบขีปนาวุธนิวเคลียร์ภาคพื้นดินไม่ให้ถูกศัตรูทำลายได้โดยง่าย
ความถี่ในการทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือสร้างความวิตกกังวลต่อเพื่อนบ้านทั้งญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ขณะที่สัญญาณ “การแข่งขันด้านอาวุธ” เริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้น โดยเมื่อเดือน ก.ย. กองทัพเกาหลีใต้ได้ทดสอบยิงขีปนาวุธ SLBM สำเร็จเป็นครั้งแรก ขึ้นเทียบชั้นมหาอำนาจเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่พิสูจน์ยืนยันได้ว่าครอบครองเทคโนโลยีดังกล่าว รวมถึงเปิดตัวว่ากำลังพัฒนาขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียง (supersonic cruise missile) ด้วย
นอกจากนี้เกาหลีใต้เปิดงานแสดงสินค้าด้านอาวุธ และการป้องกันที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาเมื่อวันอังคารที่ 19 ต.ค. 2564 โดยแสดงเครื่องบินขับไล่ไอพ่น โดรนและเทคโนโลยีอื่น ๆ รุ่นล้ำสมัย เพื่อจะกระตุ้นการค้าอาวุธฯในภูมิภาค ในงานนี้มีบริษัทยักษ์ผลิตอาวุธจากสหรัฐเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
เกาหลีเหนือถูกคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นสั่งห้ามทำกิจกรรมทุกอย่างเกี่ยวข้องกับการพัฒนาขีปนาวุธและนิวเคลียร์ และเคยถูกคว่ำบาตรมาแล้วหลายครั้ง ทว่า บทลงโทษเหล่านี้ไม่สามารถหยุดยั้งความมุ่งมั่นของเปียงยางที่จะเสริมเขี้ยวเล็บตนเองเพื่อป้องกันการรุกรานของสหรัฐฯและพวก