จับตาFacebook เปลี่ยนชื่อ!? รีแบรนด์กลบความผิด ปิดอื้อฉาวไม่อยู่ต้องชดใช้

1572

ดูเหมือนว่ามาร์ค ซักเคอร์เบิร์กคิดจะซ่อนปัญหาอื้อฉาวของ Facebookบริษัทที่มีมูลค่า 950,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เกิดขึ้นรัวๆในช่วงนี้ไว้เบื้องหลังชื่อใหม่ และผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่าง Metaverse แต่คงไม่ง่าย ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายมองว่าการรีแบรนด์บริษัท ไม่สามารถประกาศการเริ่มต้นใหม่โดยทิ้งเรื่องอื้อฉาวไว้เบื้องหลังได้

สำนักข่าวเดอะเวิร์จ (The Verge) สื่อในเครือว๊อกซ์มีเดีย (Vox Media) รายงานว่า Facebook จะประกาศการรีแบรนด์ระหว่างการประชุม Connect ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ใครที่อยากรู้ชื่อใหม่ของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่มีปัญหาเรื่องอื้อฉาว คงไม่ต้องรอนาน

ในขณะเดียวกัน รายงานของFacebook ด้านลบเรื่อง การต้องจ่ายค่าปรับของรัฐบาล และการสอบสวนของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ยังคงส่งผลกระทบต่อ Facebook และผู้ก่อตั้งจากทุกด้าน ข่าวร้ายล่าสุดคือการตัดสินใจของคาร์ล เรซีน (Karl Racine) อัยการสูงสุดของวอชิงตันดีซี  ที่จะฟ้องมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) เป็นจำเลยในคดีความเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของบริษัทของเขากับ บริษัท เคมบริดจ์ อนาลัยติกา(Cambridge Analytica) ที่มีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งที่ปิดตัวไปแล้วในขณะนี้

ข่าวแพร่สะพัดว่า Facebook จะเปลี่ยนโฉมตัวเองด้วยชื่อใหม่ ที่มุ่งเน้นการเข้าสู่ความเป็น เมตาเวิร์ซ (metaverse) โลกเสมือนจริงแบบอวตาร์ โดยต้องการให้เป็นที่รู้จักจดจำมากกว่าการเป็นโซเชียลมีเดีย แต่ผิดเวลาที่มาทำในช่วงชื่อเสียงตกต่ำอย่างมาก

นอกจากนี้Facebook ยังเป็นเจ้าของ Instagram และ WhatsApp การเปลี่ยนชื่อจะสามารถวางตำแหน่งแพลตฟอร์มเมกะทั้งสามภายใต้ร่มแบรนด์ใหม่ ซึ่งคล้ายกับ Google ที่ใช้โครงสร้างภายใต้บริษัทแม่ ‘อัลฟาเบท’

การเปลี่ยนชื่อได้สะท้อนทิศทางของ Facebook ที่พยายามรวมเทคโนโลยีเสมือนจริงและโลกความจริงเสริมเข้าด้วยกันอยู่ในขอบเขตโลกออนไลน์ใหม่

แนวคิดคือการสร้างพื้นที่ที่คล้ายกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งผู้ใช้ ผ่านอวาตาร์ดิจิทัล สามารถเดินไปมาและโต้ตอบกันได้แบบเรียลไทม์ ตามทฤษฎีแล้ว ผู้ใช้สามารถนั่งรอบโต๊ะประชุมเสมือนจริงกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ห่างไกล แล้วเดินไปที่ Starbucks เสมือนจริงเพื่อพบปะกับเพื่อน

การรีแบรนด์อาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะยกเครื่อง ชื่อเสียงของ Facebook หลังจากเกิดสึนามิข่าวร้ายที่เชื่อมโยงกับข้อมูลเท็จบนแพลตฟอร์มของตน  ความล้มเหลวในการควบคุมเนื้อหา และการเปิดเผยเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบที่ผลิตภัณฑ์มีต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้ ผลกระทบต่อเด็กและสตรีที่นับวันร้ายแรงมากยิ่งขึ้น

ฟรานเซส เฮาแกน(Frances Haugen) ผู้แจ้งเบาะแสที่เคยทำงานที่ Facebook ในตำแหน่งผู้จัดการผลิตภัณฑ์ ได้เปิดโปงเฟ๊ซบุ๊กเมื่อต้นเดือนนี้ว่า บริษัท รู้ดีว่าแพลตฟอร์มของตนใช้เพื่อเผยแพร่ความเกลียดชัง และข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แต่ล้มเหลวในการดำเนินการเพื่อป้องกัน โดยเลือกผลกำไรเป็นหลัก ไม่สนใจผลกระทบต่อผู้ใช้งาน

แน่นอน Facebook ย่อมปฏิเสธและโต้แย้งว่าแอปฯของตนทำดีมากกว่าอันตราย

การที่มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) เตรียมเปลี่ยนชื่อในการประชุม Connect ประจำปีของบริษัทในวันที่ 28 ตุลาคมที่จะถึงนี้ อาจเป็นความพยายามที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของสังคม ไปสู่เรื่องใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นกว่า  แต่ก็ไม่อาจกลบเกลื่อนภาพลบของบริษัทไปได้ เพราะการฟ้องร้อง คดีความยังดำเนินอยู่ และเป็นที่จับตาของชาวโลก ไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นอะไร ชื่อของมาร์ค ซักเคอร์เบิร์กและเฟซบุ๊กวันนี้ ได้เป็นที่จดจำไปแล้วว่า เป็นองค์กรสื่อที่เห็นแก่ตัว เป็นแหล่งแพร่เชื้อความเกลียดชังแตกแยกของสังคม และความรุนแรงอย่างไร้ความรับผิดชอบ หวังแต่กำไรทางธุรกิจ ไม่สนชีวิตผู้คน

มีแต่กลับมาทำสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นจึงแก้ไขปัญหาได้ แค่รีแบรนด์ไม่ช่วยอะไร??