จากที่เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2564 พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ลงนามคำสั่งแต่งตั้งนายทหารระดับผู้บังคับกองพัน หรือ “โผผู้พัน” 337 นาย แม้จะบอกว่าเป็นเรื่องปกติ แต่นั่นก็ทำให้ถูกจับตามากเป็นพิเศษ เพราะเกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ อีกทั้งในอดีตที่เคยเกิดขึ้นนั้น ได้นำพามาสู่เรื่องราวที่เรียกว่า ทหารยึดอำนาจจากนักการเมือง???
โดยในคำสั่งแต่งตั้งนั้นมีทั้งในเหล่าราบ ม้า ปืน สื่อสาร ช่าง รบพิเศษทั่วประเทศ ที่น่าสนใจคือการปรับย้ายในกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์( พล.ร.2รอ.) ถิ่นเก่าบูรพาพยัคฆ์ของ 3 ป. โดยมีการปรับย้ายผู้บังคับกองพันหลักหลายคนไปอยู่ฝ่ายอำนวยการ และมีการสลับสับเปลี่ยนคนใหม่เข้ามาแทน อาทิ
พ.ท.ศันสนะ จักรพันธ์ ณ อยุธยา จาก ผบ.ร.21 พัน.1 รอ. ย้ายออกไปเป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน พล.ร.2 รอ. พ.ท.ฉัตรชัย โมกขเวส รองเสธ.ร.21 รอ. เป็น ผบ.ร.21 รอ. พ.อ.สุวิทย์ วิจิตรกาญจน์ ผบ.ร.12 พัน.3 รอ. ปรับออกไปเป็นหัวหน้ากอง กองยุทธการ มทบ.12 (หก.กยก.) พ.ท.ปองพล วิจิตรกาญจน์ จากหัวหน้าฝ่ายข่าว พล.ร.2 รอ.มาเป็น ผบ.ร.2 พัน.2 รอ.
ที่น่าสนใจมีการปรับย้ายใน “กรมสไตรเกอร์”กองพลทหารราบที่ 11 มีชื่อของ “ผู้พันโอม” พ.อ.อัครพัฒน์ เทพณรงค์ อดีต ทส.ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จากรองเสธ.พล.ร.11 มาเป็น รอง ผบ.ร.112 จ่อเป็นผู้การกรมฯ ในอนาคต โดยปัจจุบันกรมดังกล่าวได้ย้ายอยู่ในพื้นที่ค่ายพนัสบดีศรีอุทัย จ.ชลบุรี นอกจากนั้นยังมีชื่อของ พ.ท.ป้องรัฐ แย้มงามเรียบเป็น ผบ.ร.112 พัน.3 พ.ท.เศกสรร บุญวงษ์ เป็น ผบ.ร.111 พัน.3 พ.ท.สรรเสริญ ไพรโสภา ผบ.ร.112 พัน.2
นั่นแค่บางชื่อที่หยิบยกเอามาฉายให้เห็นถึงการปรับย้ายในครั้งนี้ ซึ่งต้องย้ำว่าเป็นเรื่องปกติของการโยกย้ายประจำปีของกองทัพ หากแต่เมื่ออยู่ในห้วงสถานการณ์ทางการเมืองที่พิเศษย่อมถูกจับตาไม่มากก็น้อย เพราะอย่างที่บอกว่าในอดีตก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และนั่นนำมาซึ่งเหตุการณ์ 19 กันยา 2549 ที่ถือว่าเป็นหนังตัวอย่างนั่นเอง
20 กรกฎาคม 2549 เว็บไซต์แนวหน้ารายงานความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญภายในกองทัพบก หลังจากเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวลือเรื่องการเตรียมปฏิวัติของเตรียมทหารรุ่นที่ 10 (ตท.10) เพื่อช่วยค้ำบัลลังก์อำนาจของเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกฯในขณะนั้น
19 กรกฎาคม 2549 กองทัพบกมีการแจกจ่ายสำเนาคำสั่ง กองทัพบก ที่ 423/ 2549 เรื่องให้นายทหารรับราชการ จำนวน 129 นาย โดยคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งปรับย้ายนายทหารระดับผู้บังคับกองพัน หรือ ตำแหน่งผู้พัน ซึ่งการจัดทำครั้งนี้ถือเป็นกรณีเร่งด่วน เป็นคำสั่งย้ายนอกฤดูกาล เพราะปกติการย้ายนายทหารระดับ ผู้บังคับกองพันจะทำหลังการสวนสนามรักษาพระองค์ และในคำสั่งระบุให้รับเงินประจำตำแหน่งตั้งแต่เดือนกันยายน
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับคำสั่งปรับย้ายนายทหารระดับผู้บังคับกองพันครั้งนี้ พล.อ.สนธิ ได้หารือและให้อำนาจแก่ พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1 เต็มที่ โดยได้เน้นย้ำให้นายทหารที่จะเข้ามาคุมกำลังต้องเป็นนายทหารที่มีความรู้ ความสามารถ โปร่งใส ปราศจากเด็กนักการเมืองและผู้บังคับบัญชาสามารถควบคุมได้ จึงให้อำนาจเต็มแก่แม่ทัพภาคที่ 1 ในการโยกย้าย
ในส่วนของ พล.ท.อนุพงษ์ แม้จะเป็นเพื่อน ตท.10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เพื่อนร่วมรุ่นที่อยู่ในตำแหน่งแสดงท่าทียืนเคียงข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ พล.ท.อนุพงษ์ กลับประกาศจุดยืนตลอดว่า เป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และประเทศชาติ จนถูกเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 บอยคอตมาตลอด โดยถูกกดดันว่าเป็นเพื่อน ตท.10 / 1
การปรับย้ายนายทหารระดับผู้พันครั้งนี้ พล.ท.อนุพงษ์ ได้หารือกับ พล.อ.สนธิ โดยตรง และไม่ได้หารือกับ พล.ต.พฤณท์ สุวรรณทัต ผบ.พล.1 รอ. เพื่อนร่วม ตท.10 ที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของผู้บังคับกองพันหลายกองพันที่คุมกำลังหลักใน กทม. ทำให้มีผู้บังคับกองพันหลายคนถูกย้ายออกไปอยู่คนละทิศคนละทาง เพื่อป้องกันการออกมาปฏิวัติตามกระแสข่าว
โดยตำแหน่ง ผู้พัน หลักที่คุมกำลังหลักในกรุงเทพฯ มีการปรับออก มีทั้งส่วนที่คุมรถถังหลักในกทม. ที่คุมกำลังของทหารราบใน กทม.ก็ถูกย้ายออกพื้นที่ โดยสายพล.ท.อนุพงษ์ เข้ามาคุมตำแหน่งแทน และคุมกำลังหลักในกทม.
หากแต่อย่างที่ทราบกันว่าต่อมาข่าวลือก็กลายเป็นข่าวจริง เมื่อบิ๊กบัง พลเอกสนธิ ได้นำกำลังเข้ายึดอำนาจพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งนั่นทำให้อดีตนายกฯยังคงต้องกลายเป็นคนไกลบ้าน มากระทั่งวันนี้ กระนั้นก็ยังมีความเคลื่อนไหวภายหลังจากรัฐประหาร อันเกี่ยวเนื่องกับการโยกย้ายนายพัน ที่เกิดขึ้นอีกระลอก เพื่อป้องกันการปฏิวัติซ้อน
17 พฤศจิกายน 2549 ปรากฏรายงานข่าวจากกองบัญชาการกองทัพบก มีการแจกจ่ายสำเนาคำสั่งปรับย้ายนายทหารระดับ “พันเอก-พันโท” ซึ่งเป็นการปรับย้ายต่อจากตำแหน่งผู้บังคับการกรม ที่ได้ลงนามไปเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา
โดยปรับย้ายครั้งนี้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ให้สิทธิ์โดยตรงกับ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ที่ดูสายงานกำลังพล ประสานกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ร่วมกันพิจารณา
อย่างไรก็ตามมีการตั้งข้อสังเกตว่า แต่เดิม พล.อ.สนธิ จะให้โผดังกล่าวประกาศออกมาหลังเดินสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ในวันที่ 2 ธันวาคม 2549 คือหลังวันที่ 5 ธันวาคม 2549 เพราะตำแหน่งที่จะปรับย้ายจะกระทบต่อนายทหารที่จะต้องเดินสวนสนาม จึงต้องให้ผ่านพ้นไปก่อน แต่เมื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย ออกมาระบุถึงกระแสข่าวปฏิวัติซ้อน นำโดยเตรียมทหารรุ่นที่ 9 (ตท.9) พล.อ.สนธิ รีบจัดแถวการปรับย้ายให้เสร็จก่อนวันที่ 5 ธันวาคม เพื่อป้องกันกระแสข่าวดังกล่าว
สำหรับคำสั่งให้นายทหารรับราชการและปรับเงินเดือน จำนวน 136 ตำแหน่ง ลงนามโดย พล.อ.สนธิ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน มีตำแหน่งที่สำคัญทั้งสิ้น เพราะเป็นกำลังหลักในเรื่องของการยึดอำนาจ ที่มีการปรับย้ายกันมาก่อนหน้านี้แล้ว และนี่จึงสะท้อนมาให้เห็นถึงคำสั่งของผบ.ทบ.คนปัจจุบัน พล.อ. พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ที่เพิ่งลงนามไปหมาดๆ และก็มากถึง 337 นาย ฉะนั้นจึงน่าจับตาเป็นอย่างยิ่งว่า จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยหรือไม่??? ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว!!!