ห้าวให้สุด! “ธนาธร-ปิยบุตร” ท้าลบชื่อออกจากแผ่นดินไทย หลังถูกร้อง “คณะก้าวหน้า” ทำตัวเลียนแบบพรรคการเมือง!

1884

สืบเนื่องจากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียกตัว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายปิยบุตร แสงกนกกุล และน.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการไต่ส่วน ของ กกต. เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา กรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้อง ว่าการที่คณะก้าวหน้าส่งผู้สมัครสองเลือกตั้งท้องถิ่นเข้าข่ายมีพฤติกรรมเลียนแบบพรรคการเมืองขัดมาตรา 111 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ

โดยนายปิยบุตร ได้เปิดเผยว่า เป็นการเรียกมาชี้แจงครั้งของ กกต. ยังไม่ทราบว่า กกต.ตั้งข้อกล่าวหาอย่างไรบ้าง แต่อยากตั้งข้อสังเกตว่ากรณีที่มีการกล่าวหานั้นมีการร้องมานานแล้ว เหตุใด กกต.จึงเพิ่งเรียกให้คณะก้าวหน้ามาชี้แจงในช่วงเวลาที่กำลังจะมีการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แต่ฝากถึงผู้สมัครที่ทางคณะก้าวหน้าสนับสนุนว่า กรณีนี้ไม่ได้มีผลที่จะทำให้ผู้สมัครได้ใบเหลืองใบแดง เพราะตามกฎหมายกำหนดโทษไว้เฉพาะผู้ที่กระทำการเสมือนพรรคการเมือง หาก กกต.ระบุว่าคณะก้าวหน้าผิดจะมีโทษปรับและจำคุก

“การเลือกตั้งท้องถิ่นตามกฎหมายไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรค แล้วก็ไม่มีพรรคการเมืองไหนส่งผู้สมัคร มีในบางพื้นที่ที่ส่งในนามกลุ่ม ดังนั้นการเลือกตั้งท้องถิ่นมันคือความเป็นอิสระของผู้สมัคร จึงเกิดถามว่าทำไมจึงมีแต่คณะก้าวหน้าที่ถูกร้องเรียนว่าทำตัวเสมือนพรรคการเมือง เนื่องจากสนับสนุนผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่น ขณะเดียวกันในหลายจังหวัดก็มีการส่งในนามกลุ่ม อย่าง จ.สมุทรปราการ จ.ชลบุรี บ้านใหญ่ที่นั้นก็มีการส่งในนามกลุ่มส่งต่อเนื่องมาหลายสมัยแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทำไมนักร้องคนเดิมจึงจำเพราะเจาะจงร้องเรียนเฉพาะคณะก้าวหน้า ที่ผ่านมาร้องกี่เรื่องและสำเร็จกี่เรื่อง ตกลงแล้วร้องเพื่อสกัดกั้นเรา และเลือกที่จะร้องเฉพาะกลุ่มใช่หรือไม่”


นอกจากนี้นายปิยบุตร ยังกล่าวอีกว่า ไม่รู้ว่าคนบางกลุ่มในประเทศนี้จะกลัวอะไรพวกตน เล่นทุกวิถีทาง ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. 2561 ที่เรามาจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ เล่นมาเรื่อย ๆ จนยุบพรรค ตัดสิทธิ์ จึงอยากถามว่าเอาให้ชัด ใช้ลิวิคเปเปอร์ลบชื่อตนกับนายธนาธรออกจากแผ่นนี้เลยจึงจะพอใจ เพราะวันนั้นจนเวลานี้ปลายปี 2564 แล้วยังเล่นกันไม่เลิก มีคดีความเต็มไปหมด เมื่อเช้านายธนาธรก็โดนเรื่องมาตรา 112 จากกรณีที่พูดเรื่องวัคซีน ตกลงประเทศนี้ใครที่คิดเห็นไม่ตรงกับผู้มีอำนาจ ใครที่กำลังจะเป็นความหวังของประชาชน คนมีอำนาจกลุ่มนี้จะต้องเตะสกัดขัดขาหมด ตกลงประทศนี้เป็นของคุณไม่ใช่ของทุกคนใช่หรือไม่


ขณะที่ทางด้านนายธนาธร กล่าวว่า การเมืองท้องถิ่นเป็นการเมืองที่สำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชน คณะก้าวหน้าห่วงใยประเทศจึงได้ลงมาทำ เราเชื่อในศักยภาพของประเทศ และพลังความคิดสร้างสรรค์ของคนที่อยู่ในเขตท้องถิ่นว่าสามารถทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีกว่านี้ คณะก้าวหน้าจึงอยากผลักดัน ความเปลี่ยนแปลงให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้เกิดขึ้นจริง ให้คนรู้สึกว่าประชาธิปไตยมีความหวัง หนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าแรงบันดาลในนี้ของพวกเราผิดกฎหมายอยากให้พูดออกมาเลยว่า ธนาธรห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองทุกระดับ

“ผมกลับมาพูดเรื่องนี้เพราะยังเชื่อว่าประเทศไทยมีอนาคตมีความหวัง สัปดาห์หน้าเราจะแสดงให้เห็น จะมีการแถลงข่าวการบบริหารงานของเทศบาลที่พวกเราเข้าไปมีส่วนร่วมสนับสนุน หลายเดือนที่ผ่านมาเราทำงานหนักทั้งเรื่องน้ำประปา การท่องเที่ยวชุมชน สวนสาธารณะ การดูแลสุขภาพเพื่อให้เห็นว่าการทำงานที่หนักแน่นของเรามันไปได้ดี เชื่อว่าประชนที่อยู่ในเขตเทศบาลที่เราเข้าไปให้คำแนะนำได้ประโยชน์”

การที่กกต.เรียกคณะก้าวหน้ามาให้ข้อมูลเรื่องการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่นเข้าข่ายเลียนแบบพรรคการเมือง ตนก็มีข้อสังเกตเช่นเดียวกับนายปิยบุตรว่า พอจะมีการเลือกตั้งทีไรก็จะมีเรื่องแบบนี้มากวนใจพวกเรา ทำให้เสียสมาธิเสียเวลาเสียเงินทอง หรือแท้จริงมีจุดประสงค์อื่น ต้องการให้ผู้สมัครท้องถิ่นที่เราสนับสนุนอยู่เกิดความหวั่นไหว แต่ยืนยันว่าการทำงานของพวกเรามีแต่เจตนาที่ดี ไม่ได้ตั้งใจที่จะมาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวหรือพวกพ้องใด ๆ”

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายธนาธร ได้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ในคดี 112 เป็นคดีที่ 2 และเจ้าตัวได้ทวีตข้อความ ระบุว่า “ผมอยากให้ทุกคนให้ความสนใจกับคดีเหล่านี้ ที่เกิดขึ้นกับคนไม่มีชื่อเสียง คนตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่มีต้นทุนทางสังคม นี่คือความไม่เป็นธรรมที่ถูกยัดเยียดกับพวกเขา ผมอยากให้สังคมร่วมกันออกมาปกป้องพวกเขาและร่วมกันประนามต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมที่มืดมิดเช่นนี้”