หลังจากที่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร ผู้ต้องขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ได้ประกาศอดข้าวกลางห้องพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2564 ไปจนกว่าจะได้ประกันตัวนั้น
ต่อมาได้มีการเผยแพร่ใบเสร็จซื้อสินค้าในเรือนจำ ถึง 16 รายการ ลงวันที่ 17 มี.ค. ที่ปรากฎชื่อของนายพริษฐ์ โดยพบว่ามีการสั่งอาหารหลายรายการ เช่น ม่าม่า โจ๊ก น้ำอัดลม ขนม ปลากระป๋องด้วย
ล่าสุดทางด้านนายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ปลุกวีรกรรมอดข้าวประท้วงเหลว เพราะมีหลักฐานตรง ๆ ว่าซื้อบะหมี่ เขียวข่าวราวกับว่าคนไทยโง่แกนนำม็อบกาเหว่า ป่วยมานานแล้วตายในโรงพยาบาล
แต่เขียนข่าวทำให้เข้าใจว่าถูกขังตายในคุก!!!!
อีกคนก็ทำข่าวว่าอดข้าวประท้วงมา 3 วันแล้ว ทั้ง ๆ ที่มีหลักฐานว่าซื้อบะหมี่ และอาหารหลายอย่างไปกิน
ทั้งนี้เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำม็อบและผู้ต้องหาคดี 112 ได้ประกาศอดข้าวประท้วง ให้ได้รับการประกันตัว แต่มีการเผยแพร่ใบเสร็จรับเงินรายการสั่งอาหารให้เพนกวินด้วย
ขณะที่ เบน-ธิติสรรค์ ญาณนิกร แนวร่วมม็อบราษฎรเข้าร่วมชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ต.ค.63 บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และถูกจับกุมตัวพร้อมกับนายจตุภัทร บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน และนายไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ และพวกรวมทั้งหมด 20 คน โดยถูกขังอยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 6 วัน ก่อนได้ประกันตัวออกมาวันที่ 19 ต.ค.63 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 จากอาการป่วยเป็นวัณโรค
นอกจากนี้การเคลื่อนไหวทางเฟซบุ๊กของแกนนำ น่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะไม่ว่าจะมีการทำอะไรในเรือนจำ ก็จะมีการโพสต์ที่หน้าเฟซบุ๊กทันที ทั้งนี้พบว่า วันที่ 18 มี.ค.64 เฟซบุ๊ก ของเพนกวิน โพสต์ข้อความ แถลงการณ์อดข้าวประท้วง วันที่ 3 โดยระบุว่า “วันนี้เป็นวันที่ 3 ที่ผมอดอาหารประทังชีพด้วยเพียงน้ำ น้ำหวาน และนมเพื่อประท้วงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นและปลุกสำนึกของผู้พิพากษา การไม่มีอาหารตกถึงท้องไม่เพียงแต่ยังความทุกข์ทรมานแก่ร่างกายเท่านั้น แต่ยังสร้างความปั่นป่วนขึ้นในจิตใจแต่เมื่อคำนึงว่าความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นจะเป็นประจักษ์พยานแห่งความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในสังคม ”
และในเฟซบุ๊กของ นายอานนท์ นำภา หรือ ทนายอานนท์ มีการโพสต์ข้อความใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า ข้อความฝากจากเรือนจำ 18 มี.ค. 64 “วันนี้ผมยังไม่ตาย” พร้อมตัดพ้อร่ายยาว ดังนี้ “แต่การอยู่หรือตายก็ไม่สำคัญเท่ากับการอยู่อย่างมีประโยชน์หรือตายอย่างมีคุณค่า ถ้าการอยู่ในเรือนจำ แล้วทำให้เห็นถึงความอัปลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรมไทย ผมก็ยินดี หรือถ้าต้องตายภายในเรือนจำ แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงก็ถือว่าคุ้มค่า
ถ้าผมตายไป ศพของผมให้นำใส่โลงศพไม่ต้องห่อด้วยถุงพลาสติก ไปวางไว้หน้าศาลอาญาบนถนนรัชดาภิเษก เมื่อเลือดและน้ำหนองของผมไหลออกมาก็ปล่อยให้มันเจิ่งนองบนถนนรัชดา รอให้รถของคนที่มีส่วนทำให้ผมตายวิ่งมาเหยียบมันและกลับไปที่บ้าน เมื่อนั้นเลือดและน้ำหนองของผมจะไหลปนออกมากับน้ำที่เขาอาบและเมื่อเขากินข้าวหรือกาแฟ เลือดและน้ำหนองของผมก็จะอยู่ในนั้น
วิญญาณของผมจะติดตามเขาไปทุกที่ กลิ่นสาบของผมจะติดตามชุดเครื่องแบบของพวกเขา และวิญญาณของผมจะทอดร่างอยู่ใต้โต๊ะทำงานของพวกเขาเหล่านั้นไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ผมจะได้เกิดใหม่ และถ้าผมเกิดใหม่แล้วเมืองไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ผมขอเกิดมาบนแผ่นดินไทยและขอเกิดเป็นลูกชาวนาอีกครั้ง เรียนกฎหมาย และกลับมาต่อสู้ร่วมกับพี่น้องจนกว่าจะได้ประชาธฺปไตยที่สมบูรณ์ “ขอให้เจอมิตรสหายที่ดี อย่างเช่นทุกวันนี้”
จนกว่าเราจะพบกันอีก อานนท์ นำภา ห้อง 7 แดน 2 เรือนจำพิเศษกรุงเทพ”
อย่างไรก็ตามทางกรมราชทัณฑ์ได้แจ้งความดำเนินคดีกับแอดมินเพจ “อานนท์ นำภา” ไปก่อนหน้านี้แล้ว 2 ครั้ง และจะแจ้งความเพิ่มอีก เพื่อสืบหาว่า แอดมินโพสต์ข้อความจากที่ไหน” เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวโพสต์ข้อความอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เปิดเผยว่า ได้มีการค้นตัวบรรดาแกนนำทั้งขาไปและขากลับ ในเวลาที่ต้องเบิกตัวไปยังศาล รวมถึงการเยี่ยมญาติ หากจะฝากสิ่งของเข้ามาหรือออกจากเรือนจำจะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเรือนจำ ดังนั้น จดหมายของนายอานนท์ ไม่ได้นำออกไปจากเรือนจำ และในเรือนจำไม่มีเครื่องมือสื่อสาร แม้แต่นาฬิกาก็ไม่มี
และทันที ที่มีข่าวว่ากรมราชทัณฑ์จะแจ้งความเพิ่มกับแอดมินที่โพสต์ข้อความให้อานนท์ ในเฟซบุ๊กของอานนท์ นำภา ก็ได้โพสต์ข้อความว่า “จับอานนท์ไปแล้ว ยังพยามจะจับแอดมินอีก เราไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ” ซึ่งมีใช้ถ้อยคำจาบจ้วงไปถึงในหลวงร.9 ด้วย