“รุ้ง” สดุดี “ป้าเป้า” แก้ผ้าโชว์ นี่คือสันติวิธี? พบเจ้าตัวก็เคยแจกกล้วย”ชวน หลีกภัย” จนกระแสตีกลับ!
จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (28 กันยายน 2564) กลุ่มทะลุฟ้า นัดหมายชุมนุม ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยรวมตัวที่แยกนางเลิ้งตั้งแต่เวลา 16.00 น. ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ เพื่อต่อต้านรัฐบาลที่บริหารล้มเหลว และหยุดความเสียหายของประเทศ ซึ่งวันนี้นับเป็นความพยายามครั้งที่ 3 ของกลุ่มทะลุฟ้า ในการเดินเท้าไปประท้วงให้ถึงหน้าทำเนียบรัฐบาลนั้น
กระทั่ง เวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่คฝ. ประมาณ 3 กองร้อย ตั้งแถวหน้ากระดาน เดินเท้ามุ่งหน้าแยกนางเลิ้ง และเข้าไปจับผู้ชุมนุมที่ซอยดังกล่าว ทำให้ผู้ชุมนุมส่งเสียงด่าอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินต้อนเจ้าหน้าที่ จากพิษณุโลก ซอย 3 ไปยังแยกนางเลิ้ง
จากนั้นเวลา 18.10 น. ตำรวจยืนตั้งแนวหน้าผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ประกาศว่า ตำรวจแค่มายืนตั้งแนว รักษาความสงบเฉยๆไม่ได้ทำอะไร ต่อมาเวลา 18.14 น. นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือป้าเป้า แม่ค้าผลไม้ วัย 67 ปี ผู้ที่ได้รับสมญานามจากพวกคณะราษฎรว่า “เครื่องด่าแห่งฝ่ายประชาธิปไตย” ได้ทำการเปลื้องผ้า ทั้งเสื้อและกระโปรง โดยไม่สวมชุดชั้นใน ต่อหน้าแนวเจ้าหน้าที่คฝ. จนที่ภาพว่อนโซเชียล ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก
จากนั้น ทางด้าน รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ถึงกรณีการแสดงออกของป้าเป้าว่า
สิ่งที่ป้าเป้าทำคือ1ในวิธีการทางสันติวิธี และป้าได้ยืนยันผ่านสิ่งนี้ว่า ผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธ มาแต่ตัว และต้องการจะชุมนุมอย่างสงบ เพื่อสื่อสารข้อเรียกร้องต่อภาครัฐเท่านั้น ป้าเคยโดนคฝ.ผลักล้ม ป้าเคยโดนจับ และป้ายังยืนยันในสิทธิการชุมนุมของป้า นับถือใจป้าเป้าจริงๆค่ะ #ม็อบ28กันยา
อย่างไรก็ตาม ย้อนไปก่อนนี้ รุ้ง ปนัสยา ได้กล่าวพาดพิงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายว่า “ถึงชวน หลีกภัย และ สว.ทุกคนนะคะ… ค่ะ”
รุ้ง ปนัสยา เปิดเผยว่า กรณีทวีตข้อความถึง นายชวน หลีกภัยว่า ตนรู้สึกโกรธมาก ที่การชุมนุมหน้ารัฐสภาในครั้งนั้น เราคาดหวังว่าจะมีอะไรที่เปลี่ยนไปจากเดิม เช่น สภาฯ จะดำเนินการรับหลักการการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่เป็นไปตามนั้น ซึ่งจริง ๆ นั้นตนเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดคำหยาบอะไรเท่าไหร่ในชีวิตจริง ปกติจะพูดนิ่งๆ
“เอาจริงๆ ก็อยากขอโทษทุกคนที่อาจจะใช้คำแรงไป ต้องขอโทษที่ไม่สุภาพ แต่หากย้อนเวลากับไปก็ยืนยันจะใช้คำเดิม เพราะคนที่ไม่เห็นหัวประชาชนกับคำพูดที่ว่า อย่าไปสนใจเสียงนอกสภา เราทำหน้าที่สมบูรณ์แล้ว คิดว่าเป็นคำพูดที่รับไม่ได้จริงๆ ด้วยความเสียใจและความโกรธจริง ก็คิดว่าสมควรแล้วกับคำที่พูดไป แต่ต่อไปจะไม่ใช่คำหยาบคายอีก”
