“ก้าวไกล” จี้ตัดงบสถาบันฯ อ้างเพื่อปชช. จ่อฟ้องกลับ “เรืองไกร” หลังโดนยื่นยุบพรรค ฐานเป็นปฏิปักษ์การปกครอง

1715

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 64 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ได้ยื่นคำร้องต่อกกต.

ขอให้วินิจฉัยและส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา ส.ส.พรรคก้าวไกลหลายคน ได้ร่วมกันในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ในส่วนมาตรา 36 งบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการในพระองค์

และต่อมายังได้นำทั้งข้อความ ภาพ วิดีโอการอภิปรายดังกล่าวไปเผยแพร่สู่สาธารณชนผ่านทางเฟซบุ๊กของพรรคก้าวไกล ซึ่งพบว่า มีหลายข้อความเข้าข่ายเป็นหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคก้าวไกล ได้กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง ( 2) พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ประกอบกับเมื่อพิจารณาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2562 กรณียุบพรรคไทยรักษาชาติที่วางหลักไว้ว่า องค์พระมหากษัตริย์ ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ทรงความเป็นกลางทางการเมืองด้วยการดำรงฐานะอยู่เหนือการเมือง จึงเห็นว่าการกระทำของพรรคก้าวไกล และ ส.ส.พรรคก้าวไกล เข้าข่ายให้ กกต.พิจารณาเสนอศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค

“การกระทำของพรรค และ ส.ส.ก้าวไกล ดังกล่าว จึงเป็นการนำงบประมาณรายจ่ายของราชการในพระองค์ของพระมหากษัตริย์ มาเป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งการจะอ้างว่าเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพทางการเมืองตามที่รัฐธรรมนูญรับรองนั้น พรรคและส.ส.ก้าวไกล ย่อมต้องตระหนักรู้ด้วยว่า การกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพที่ได้รับจากรัฐธรรมนูญ ต้องไม่มีผลกระทบย้อนกลับมาทำลายหลักการพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ และสั่นคลอนคติรากฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของไทยที่ดำรงอยู่ให้เสื่อมโทรมไป”

ต่อมานายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยังเปิดเผยอีกด้วยว่า ในวันพุธที่ 29 ก.ย. เวลา 10.00 น. ตนจะต้องไปให้ให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ กกต. เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ครบถ้วนและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย กรณีดังกล่าวมาจากที่ตนยื่นคำร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบ ส.ส. พรรคก้าวไกล ที่นำข้อมูลการอภิปรายร่าง พรบ.งปม. 2565 บางมาตรามาเผยแพร่ซ้ำต่อสาธารณะในเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล

ซึ่งควรถือเป็นความรับผิดชอบของพรรคและควรต้องอยู่ในบังคับหรือปฏิบัติตาม พรป.พรรคการเมือง ม. 92 ซึ่งผลของการกระทำดังกล่าว อาจจะเป็นเหตุหรือมีหลักฐานให้ กกต. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่าจะมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล หรือไม่ ทั้งนี้การไปให้ถ้อยคำนั้นเป็นไปตามหนังสือที่ ลต 0006/9708 ลงวันที่ 22 ก.ย. 64 ซึ่งตนได้แจ้งเจ้าหน้าที่ กกต.แล้วว่า จะไปให้ถ้อยคำพร้อมรายละเอียดเพิ่มเติม(ถ้ามี) ตามวันเวลาที่แจ้งมา สำหรับกรณีที่ร้องยุบพรรคการเมืองอื่นนั้น เป็นคนละคำร้อง หากกกต.มีหนังสือแจ้งมาเมื่อใด ก็จะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบต่อไป

ล่าสุดทางด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้เปิดเผย กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ดำเนินการวินิจฉัยยุบพรรค ก.ก. โดยกล่าวหาว่ากระทำการอันเป็นการล้มล้าง หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ว่าการตรวจสอบและการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ของพรรค ก.ก.ในมาตรา 36 เป็นการทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเป็นหน้าที่อันพึงกระทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตจากสถานการณ์โรคระบาดของโรคโควิด-19 ที่ประชาชนได้ประสบกับความทุกข์ยากแสนสาหัส ยิ่งเป็นหน้าที่ที่ต้องพึงกระทำ การตรวจสอบและอภิปรายก็มีเจตนารมณ์ที่สุจริต เพื่อมุ่งหวังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดสรรงบประมาณเกี่ยวกับสถาบันให้มีความเหมาะสมต่อสถานการณ์

พรรคก้าวไกลมั่นใจว่านายเรืองไกรที่มีประสบการณ์ทางการเมืองมาอย่างยาวนานย่อมรู้ข้อเท็จจริง และเจตนารมณ์ในการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบนี้อยู่แก่ใจ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าพรรคก้าวไกลจะยังคงยืนหยัดทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องเงินภาษีทุกบาททุกสตางค์ที่เป็นหยาดเหงื่อที่เหนื่อยยากของพี่น้องประชาชนทุกคน และจะพยายามทำให้การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลนำมาซึ่งเศรษฐกิจปากท้องที่ดี และสวัสดิการสังคมบนความเสมอภาคของประชาชนให้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตามพรรคก้าวไกลได้ยื่นฟ้องนายเรืองไกรในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และการกล่าวหาพรรค โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 101 ต่อศาลอาญา โดยเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.2307/2564 โดยศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 09.00 น.