สหรัฐเต้น!?วิจารณ์ยับอิลอน มัสก์ เปิดโชว์รูมTeslaในซินเจียง หักหน้าเมกาไล่บี้จีนกดขี่อุยกูร์

1204

อิลอน มัสก์ กำลังแสดงให้โลกยอมรับความจริงที่ว่า “ทุน” นั้นไร้พรมแดนด้วยกำลังเดินหน้า เปิดโชว์รูมขนาดใหญ่ในจีนที่ซินเจียง สวนนโยบายไบเดนชูคว่ำบาตรสินค้าผลิตในซินเจียงต้านจีน เลยโดนมะกันถล่มเละ แต่มัสก์ก็ไม่นำพา เพราะวันนี้เขาได้ชื่อว่า เป็นอภิมหาเศรษฐีร่ำรวยที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของสื่อ แม้ความจริงยังรวยน้อยกว่าเครือข่ายทุนยักษ์ครอบโลกก็ตาม

ข้อเท็จจริงเรื่อง “จีนกดขี่มุสลิมอุยกูร์ในซินเจียง” เป็นการโฆษณาชวนเชื่อด้านเดียวที่ดำเนินการเป็นขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ยุทธวิธีสงครามพันทางของสหรัฐที่กระทำต่อจีน โดยหยิบยกประเด็นละเอียดอ่อนทางศาสนาและชาติพันธุ์มาชูเพื่อสร้างแนวร่วมต่อต้านจีนอย่างถึงที่สุด ด้านหนึ่งโฆษณาสร้างความชอบธรรม ขณะที่อีกด้านหนึ่งสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธต้านอำนาจรัฐจีนที่ฝังตัวอยู่ในพื้นที่และประเทศติดชายแดนอย่างโจ่งแจ้ง ด้วยขอหาละเมิดสิทธิมนุษยชน และร้ายแรงสูงสุดว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ข้อหาเดียวกับที่ใช้ประณามเมียนมาและอีกหลายพื้นที่ที่สหรัฐพุ่งเป้าเอาเรื่อง และที่น่าสังเกตุคือ จีนค้นพบแหล่งน้ำมันและก๊าซมหาศาลในพื้นที่ซินเจียง ก็ยิ่งทำให้น่าสงสัยในความไม่ชอบมาพากลกับเรื่องนี้

วันที่ 5 ม.ค.2564 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ระบุว่า บริษัทเทสล่าผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของอิลอน มัสก์ (Tesla) ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหลังประกาศเปิดโชว์รูมในเมืองอุรุมชี เขตปกครองตนเองซินเจียง ประเทศจีน ซึ่งสหรัฐโฆษณาชวนเชื่อและประณามจีนมาโดยตลอดว่ามีการบังคับใช้แรงงาน และละเมิดสิทธิมนุษยชนประชากรมุสลิมอุยกูร์ในภูมิภาคนี้ แม้ว่าทางการจีนจะยืนกรานปฏิเสธว่าไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใดก็ตาม

Tesla ประกาศผ่านทางแพลตฟอร์มเว่ยป๋อ(Weibo) โซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีนเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2564 ที่ผ่านมา ระบุว่า “ศูนย์ Tesla แห่งแรกในซินเจียงจะมีทั้งการขาย บริการหลังการขาย และบริการจัดส่ง เพื่อให้บริการอย่างครบวงจรแก่ลูกค้าในซินเจียง และดูแลการเดินทางของผู้ขับขี่ Tesla ทางตะวันตกของจีน”

การเปิดโชว์รูมเกิดขึ้นเพียง 1 สัปดาห์หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐลงนามในร่างกฎหมายเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2564 โดยห้ามนำเข้าสินค้าจากซินเจียง เว้นแต่บริษัทต่างๆ จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าวัสดุดังกล่าวไม่ได้ผลิตขึ้นจากการบังคับใช้แรงงาน

นอกจากนี้เมื่อต้นเดือนธ.ค. ที่ผ่านมาสหรัฐยังประกาศว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการทูต โดยการไม่ส่งผู้แทนเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว “ปักกิ่ง 2022” ที่จะจัดขึ้นในเดือนก.พ. ที่จะถึงนี้ เพื่อเป็นการตอบโต้ในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของทางการจีน

สก็อตต์ โนวา กรรมการบริหารสมาคมสิทธิแรงงาน (The Workers Rights Consortium) ซึ่งสนับสนุนกฎหมายใหม่ของสหรัฐ เรียกร้องให้ Tesla รับผิดชอบต่อการแสวงหากำไรในพื้นที่ที่เขาเรียกว่าเป็น “ศูนย์กลางการบังคับใช้แรงงานระดับโลก”

โนวากล่าว”นี่เป็นหน้าที่ของบริษัทระดับโลกที่จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการละเมิดสิทธิแรงงานอย่างร้ายแรง” 

เช่นเดียวกับพันธมิตรอเมริกันเพื่อภาคการผลิต (The Alliance for American Manufacturing) ซึ่งต่อต้านการเปิดโชว์รูม Tesla ในซินเจียงของมัสก์เช่นกัน

สก็อตต์ พอล ประธานองค์กร (President Scott Paul)กล่าวว่า “บริษัทใดๆ ก็ตามที่ทำธุรกิจในซินเจียงล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นที่นั่น โดยเฉพาะการกระทำของ Tesla เป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างยิ่ง”

ด้าน Tesla ยังไม่ตอบสนองต่อการร้องขอความคิดเห็นของสื่อหลายฉบับ แม้ว่านี่จะเป็นการเปิดโชว์รูมครั้งแรกของ Tesla ในซินเจียง แต่อันที่จริงแล้วบริษัทเริ่มเข้าถึงภูมิภาคนี้มาระยะหนึ่งแล้ว โดย Tesla ได้ติดตังสถานีพลังงาน Supercharger ในอุรุมชี 2 แห่ง และพื้นที่อื่นๆ ในซินเจียงอีก 7 แห่ง ตั้งแต่เดือนมิ.ย. ปีที่แล้ว

หุ้นของเทสลาเพิ่มขึ้นมากกว่า 13% ในวันจันทร์หลังจากที่บริษัทรายงานการส่งมอบรถยนต์สูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2564

ในทันทีที่เกิดกระแสข่าวถล่มเทสลาเรื่อง เปิดโชว์รูมในซินเจียง สำนักข่าวโกลบัลไทม์ตอบโต้ทันควันว่า การกล่าวอ้างเรื่อง “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” และ “การใช้แรงงานบังคับ” เป็นการโกหกโดยตรงและถูกลบล้างอย่างทั่วถึงแล้วด้วยข้อเท็จจริงจากปากของผู้คนในซินเจียงเอง  ณ จุดนี้ คนที่ยังคงเชื่อและผลักดันคำกล่าวอ้างดังกล่าวคือกลุ่มหัวรุนแรงที่ต่อต้านจีนในสหรัฐฯ พวกเขากำลังพยายามที่จะยึดติดกับคำโกหกที่สร้างความหวาดกลัวเหล่านี้เพื่อยุยงให้เกิดความเกลียดชังต่อจีนและผลักดันให้เกิดการแตกแยกสุดโต่งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงว่ากฎหมายใหม่ของสหรัฐคว่ำบาตร สินค้าที่มาจากซินเจียงถือเป็นการดูหมิ่นด้านสิทธิมนุษยชนในซินเจียงของจีน โดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงและความจริง พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดในทันที