พท.ปากยาว! ชี้ชัด สส.-รมต.ไปเพชรบุรีกับ”นายกฯ”จะย้ายไปอยู่กับพรรคใหม่กับประยุทธ์!?
จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (21 กันยายน 2564) ได้มีกระแสข่าวพูดถึงความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ และมีการพูดถึงกระแสการลงพื้นที่ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่แยกกันลงพื้นที่ ทั้งยังมีการกล่าวถึง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพลังประชารัฐว่า มีการเกณฑ์ ส.ส.ภายในพรรคเพื่อร่วมคณะและไปต้อนรับ 2 ป.ในการลงพื้นที่ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการวัดพลังทางการเมือง
ล่าสุดทางด้าน น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้สร้างความสั่นคลอนให้กับเสถียรภาพของรัฐบาลในการบริหารบ้านเมืองอย่างหนัก เริ่มตั้งแต่การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปลดคนใกล้ตัวพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร.
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ พยายามสร้างพลัง กดเบ่งในพรรคด้วยการดึงบริวารในวงล้อมตัวเองเข้ามาในพรรค ทั้ง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค แต่ก็ไม่สามารถยึดพรรคพลังประชารัฐได้ น่าแปลกใจว่า ในช่วงนี้มีการรื้อฟื้นหลายคดีที่ถูกดองไว้ขึ้นมาเป็นประเด็นอีกครั้ง ทั้งกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้ตั้งองค์คณะไต่สวน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยกับพวกรวม 6 ราย เหตุอนุมัติให้ บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ในเครือกระทิงแดง ใช้ที่ดินป่าชุมชน ใน จ.ขอนแก่น 31 ไร่ ขยายเขตโรงงาน หรือแม้กรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ The MATTER ชนะคดีฟ้อง ป.ป.ช.ที่ไม่เปิดเผยข้อมูลผลสอบ พล.อ.ประวิตร ยืมนาฬิกาเพื่อน ศาลสั่ง ป.ป.ช.ให้เผยผลสอบข้อเท็จจริงด้วย
โฆษกเพื่อไทย ยังได้กล่าวอีกว่า “ขอให้ประชาชนจับตาดูการลงพื้นที่น้ำท่วมในจังหวัดเพชรบุรี และพระนครศรีอยุธยาในวันนี้ของทั้ง 3ป. เพราะจะเป็นการแบ่งขั้วทางการเมืองระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรอย่างชัดเจน ส.ส. และรัฐมนตรี ที่จะย้ายไปอยู่พรรคใหม่จะไปเพชรบุรีกับ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนที่ยังคงอยู่พรรคพลังประชารัฐจะไปอยุธยากับ พล.อ.ประวิตร ทั้งในความเป็นจริงแล้วการลงพื้นที่เพื่อดูปัญหาน้ำท่วม เป็นแค่การจัดฉากเพื่อเอาประชาชนมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเท่านั้น
นอกจากนี้ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เกิดน้ำท่วมหนักเป็นปัญหาเรื้อรัง แต่นายกฯและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกลับไม่สนใจ แม้แต่รัฐมนตรีแรงงานที่เป็นคนพื้นที่ชลบุรี ยังไม่สนใจในความเดือดร้อนของประชาชน แต่กลับไปให้ความสำคัญกับเกมการเมืองที่ ทั้ง 3 ป.กำลังวัดพลังสนับสนุนกันอยู่ แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้ ไม่เคยมีประชาชนอยู่ในหัวใจตั้งแต่แรก หากไม่มีปัญหาการเมืองในพรรคคงไม่ลงพื้นที่แย่งซีนกันเอง สุดท้ายคนที่รับกรรมคือประชาชน ที่ยังต้องทนอยู่ในถุงดำของประเทศครอบไว้จนแทบจะขาดอากาศหายใจ ขาดอนาคต ขาดความหวัง ขาดการมีชีวิตที่ดี อนาคตมืดมนไร้หนทาง”
