เฉลยชัดๆ! เหตุใด”พปชร.” ยังยื้อ “ธรรมนัส” หลังขนทัพส.ส. ลงพื้นที่ตามติด “บิ๊กป้อม”

1622

สืบเนื่องจากกรณีที่รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งถึง การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ลงพื้นที่ติดตามความพร้อมการบริหารจัดการน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มต่ำของลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 22 ก.ย.

โดยทางร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะเลขาธิการพรรค ได้กำชับ ส.ส.ในพรรคให้ร่วมคณะไปด้วยจำนวนมาก โดยมีการลิสต์รายชื่อผู้ที่จะร่วมคณะพล.อ.ประวิตร ครั้งนี้ ประมาณ 40 คน ทั้งนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ,นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ,นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานวิปรัฐบาล นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี รวมถึง ส.ส.จากหลายจังหวัดในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน นอกจากนั้น จะมีการพาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ร่วมคณะไปในครั้งนี้ด้วย

และในวันที่ 23 ก.ย. นี้พรรคพปชร.มีการนัดประชุม ส.ส. ที่ห้องประชุมพรรคชั้น 6 อาคารรัฐสภา เวลา 14.00 น. โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค และ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค จะเข้าร่วมด้วย โดยวาระสำคัญคือการหารือถึงความชัดเจนในการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับ อบต. ว่าพรรคจะวางบทบาทของตัวเองอย่างไร

ทั้งนี้การลงพื้นที่ ที่ทั้งพล.อ.ประวิตร และพลเอกประยุทธ์ แยกย้ายกันไปนั้น ต่อมาได้มีคำชี้แจงจาก พล.อ.ประวิตร ว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ที่ไม่ไปด้วยกันเพราะเดินตามบิ๊กตู่ไม่ทัน อีกทั้งในการลงพื้นที่ครั้งนี้ เรียกว่าร.อ.ธรรมนัส ได้จัดทัพส.ส.มารอต้อนรับบิ๊กป้อมอย่างเต็มที่ เป็นที่ชัดเจนว่าแม้จะถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรี แต่บทบาทการทำงานในพรรค ยังตามติดบิ๊กป้อมอยู่

ขณะที่รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก วิเคราะห์ศึก ลุงตู่ -ธรรมนัส กับอนาคของพรรคพปชร. โดยมีมุมหนึ่งที่น่าสนใจ เกี่ยวกับร.อ.ธรรมนัส ดังนี้ ผลจากการสำรวจของนิด้าโพล คนที่ตอบส่วนใหญ่เห็นว่าการปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และและ อ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากการเป็นรัฐมนตรี เป็นเรื่องเหมาะสมแล้ว และระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคพลังประชารัฐ และไม่ควรตั้งพรรคการเมืองเอง

นั่นหมายความว่า ประชาชนที่ตอบเห็นว่า พรรคพลังประชารัฐมีนักการเมืองแบบเก่าที่หวังผลประโยชน์ และคิดแต่เรื่องโควตารัฐมนตรีมากเกินไป พล.อ.ประยุทธ์จึงไม่ควรลงไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของพรรค การดูแลพรรค และการเมืองในและนอกพรรค ควรเป็นหน้าที่ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เช่นเดิม

การที่ พล.อ.ประวิตร รั้งตัว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไว้ให้คงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ อาจเป็นเพราะคนอย่าง ร.อ.ธรรมนัส ควรที่จะเก็บไว้อยู่ใกล้ตัว จะดีกว่าปล่อยให้ไปอยู่กับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งการที่ ร.อ.ธรรมนัส จะเลิกยุ่งกับการเมือง ไปใช้ชีวิตเงียบ ๆ ที่จังหวัดพะเยาเป็นเรื่องที่พูดได้แต่เป็นไปไม่ได้

เมื่อ ร.อ.ธรรมนัสตัดสินใจอยู่กับพรรคพลังประชารัฐต่อไปตามความต้องการของ พล.อ.ประวิตร คำถามคือว่า เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์และ ร.อ.ธรรมนัส จะจบลงง่าย ๆ อย่างนี้หรือ คำตอบคือ คงไม่จบ เพราะร.อ.ธรรมนัสบอกเองว่า “ผมเป็นคนจำนาน” ดังนั้นไม่ลืมแน่ ๆ พล.อ.ประยุทธ์เองก็คงไม่ลืมเช่นกัน อย่างไรก็ตามจากการวิเคราะห์นี้ พอจะตอบข้อสงสัยได้ว่า ทำไมพล.อ.ประวิตร ถึงยังดึงให้ร.อ.ธรรมนัสยังอยู่กับพลังประชารัฐต่อไป