จีนฟาดสหรัฐ?!?ปั้นกลุ่ม AUKUS บ่อนทำลายอาเซียน ด้วยการแข่งขันอาวุธนิวเคลียร์

1296

บทบรรณาธิการของโกลบอลไทมส์ ได้เผยแพร่บทความเตือนชาติอาเซียนระวังกับดักของการแข่งขันอาวุธนิวเคลียร์ของไตรภาคี AUKUS ขณะที่ผู้นำปธน.สีจิ้นผิง และหวังอี้ มนตรีแห่งรัฐและรมว.ต่างประเทศของจีนเดินสายแสดงจุดยืนเน้นความร่วมมือพัฒนาภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างจริงใจ

ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ประณามการจัดตั้งพันธมิตรไตรภาคี ‘AUKUS’ ของสหรัฐ-อังกฤษ-ออสเตรเลีย เพื่อต้านจีน เป็นการทำลายสันติสุขในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ครอบคลุมยังทะเลจีนใต้ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประเทศสมาชิกอาเซียนแวดล้อมอยู่ 

เนื้อหาบทความระบุว่า การจัดตั้งพันธมิตรไตรภาคี AUKUL ได้บ่อนทำลายความเป็นศูนย์กลางของอาเซียนด้วยการแข่งขันมีอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้กลายเป็นภูมิภาคที่น่าสะพรึงกลัว ขณะที่ท่าทีของประเทศสมาชิกอาเซียนเช่นอินโดนิเซียและมาเลเซีย สิงคโปร์ต่างวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความกังวลและคัดค้านว่า วิธีการทางทหารของสหรัฐ จะทำลายทั้งตัวเองและพันธมิตรอย่างสิ้นเชิง ไม่ทันไร กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ออกอาการหนุนเสียแล้ว แค่เริ่มก็ทำอาเซียนเห็นต่างเสียแล้ว

ความร่วมมือด้านความมั่นคงที่จัดตั้งขึ้นใหม่ระหว่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ทำให้หลายประเทศมีความกังวลอย่างลึกซึ้ง รวมทั้งประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ต่างแสดงท่าทีต่อต้านแผนการของออสเตรเลียในการจัดหาเรือดำน้ำนิวเคลียร์ภายใต้สนธิสัญญาไตรภาคีที่เรียกว่า “AUKUS”

ในฐานะคู่เจรจาของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ออสเตรเลียไม่ได้ลงนามในสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ความตั้งใจที่จะสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์และแม้กระทั่งการนำมาใช้ในทะเลจีนใต้ คุกคามการก่อตัวของเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ระดับภูมิภาค การตัดสินใจของออสเตรเลียขัดต่อข้อตกลงสำคัญข้อใดข้อหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งขัดแย้งกับผลประโยชน์และวัตถุประสงค์ของอาเซียนโดยสิ้นเชิง

ตามรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศและ South China Morning Post สมาชิกอาเซียนหลายแห่งกังวลว่า AUKUS ที่เป็นสัญลักษณ์ของตะวันตกจะจัดการกับจีนอย่างก้าวร้าวมากขึ้นโดยยอมรับออสเตรเลียเข้าสู่สมาชิกผู้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ 

หากออสเตรเลียต้องสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ จะต้องทำให้เสียสมดุลของอำนาจในระดับภูมิภาคอย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นภัยคุกคามต่อประเทศในภูมิภาคอื่นๆ อีกหลายประเทศ ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายหลังอาจพิจารณาจัดหาเรือดำน้ำนิวเคลียร์เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นและฟื้นสมดุลของภูมิภาค สิ่งนี้อาจนำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปสู่การแข่งขันด้านอาวุธนิวเคลียร์ระดับภูมิภาคได้

การก่อตั้ง AUKUS มุ่งตรงไปที่ช่องแคบไต้หวันและโดยเฉพาะทะเลจีนใต้ โดยการพัฒนาเรือดำน้ำนิวเคลียร์ แคนเบอร์ราจะเป็นอันตรายต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค แคนเบอร์ราจะบีบบังคับอาเซียนให้ยืนหยัดกับสหรัฐฯ และออสเตรเลียเพื่อต้านจีน สมาชิกอาเซียนเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงในประเด็นทะเลจีนใต้ หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่พอใจและกังวลอย่างมากเกี่ยวกับออสเตรเลียที่บ่อนทำลายสถานการณ์ของทะเลจีนใต้ สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไมมาเลเซียถึงตอบโต้อย่างรุนแรง มาเลเซียต่อต้านการแสดงและอวดความแข็งแกร่งทางทหารในทะเลจีนใต้โดยมหาอำนาจ นอกจากนี้ยังคัดค้านการเปลี่ยนภูมิภาคให้เป็นสถานที่สำหรับการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ 

 

หลังจากสมาชิกอาเซียนแสดงความวิตก วิล นานเคอร์วิส เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำอาเซียน แถลงเน้นว่า AUKUS “ไม่ใช่พันธมิตรหรือข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศ” และขอให้อาเซียนไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้อตกลงเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของ AUKUS 

เป็นไปได้อย่างไรที่ข้อตกลงเรื่องเรือดำน้ำนิวเคลียร์จะไม่ใช่ข้อตกลงทางทหารสมาชิกอาเซียนคงยากที่จะเชื่อคำพูดของแคนเบอร์รา เนื่องจากการซื้อเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของแคนเบอร์รานั้น ขัดต่อนโยบายต่างประเทศและเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของอาเซียนในการพัฒนาภูมิภาค

รายงานระบุว่าเรือดำน้ำนิวเคลียร์ใหม่ของออสเตรเลียจะไม่อยู่ในน้ำจนถึงปี 2040 แต่แคนเบอร์ราก็มีแนวโน้มที่จะใช้เรือดำน้ำที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อบีบบังคับประเทศในกลุ่มอาเซียนให้เป็นเครื่องต่อรอง เนื่องจากอาเซียนคาดว่าจะกลายเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลกภายในปี 2573 ความเข้มแข็งที่เพิ่มขึ้นของออสเตรเลียในด้านความมั่นคงจะต้องเป็นการตอบโต้ที่คุกคามต่ออำนาจทางเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตของอาเซียน นี่คือสิ่งที่ประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง 

ซู หลี่ปิง(Xu Liping) ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Chinese Academy of Social Sciences กล่าวว่าการใช้ประเด็นระดับภูมิภาคเพื่อขัดขวางความสัมพันธ์จีน – อาเซียนเป็นกลยุทธ์ทางภูมิศาสตร์และการเมืองที่มีมายาวนานโดยสหรัฐฯ และหนักหน่วงมากขึ้นในสมัยของปธน.โจ ไบเดน 

ด้านหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวย้ำในการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศระหว่างจีน-อาเซียนอย่างชัดเจนว่า จีนและอาเซียนสามารถขจัดการระบาดใหญ่ของ COVID-19 และกองกำลังต่างประเทศ เพื่อร่วมกันปกป้องเสถียรภาพและความสงบสุขของทะเลจีนใต้  ภายใต้การเจรจา ปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ที่มีความก้าวหน้าโดยไม่มีนัยด้านความมั่นคงและการทหาร ทั้งนี้ได้รับการตอบรับจากประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างเป็นเอกภาพ