ฮือฮากันไปทั้งโลกอีกครั้งเมื่อกลุ่มตาลีบันประกาศให้ “มุลลาห์ โมฮัมหมัด ฮัสซัน อัคฮุน” เป็นผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลรักษาการของอัฟกานิสถาน ซึ่งจะทำหน้าที่บริหารประเทศไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง ทางการจีนตอบรับในทันที พร้อมยืนยันเคารพให้เอกสิทธิ์และอธิปไตยของอาฟกานิสถานพร้อมเดินหน้าสานสัมพันธ์ ล่าสุดเตรียมให้เงินฉุกเฉิน 200 ล้านหยวน รวมอาหารและวัคซีนโควิดจำนวน 3 ล้านโดส
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2564 กลุ่มตาลีบันประกาศให้อาฟกานิสถานกลับมาเป็น “เอมิเรต อิสลาม” (Islamic Emirate) หรือประเทศที่ปกครองด้วยกฎหมายอิสลามและผู้นำสูงสุดทางศาสนา โดยมี “มุลลาห์ โมฮัมหมัด ฮัสซัน อัคฮุน” มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัฐบาลรักษาการ รัฐบาลชั่วคราวที่จะทำหน้าที่บริหารประเทศไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญนับตั้งแต่กลุ่มตาลีบันกลับเข้ายึดครองกรุงคาบูลและพื้นที่ส่วนใหญ่ของอัฟกานิสถานได้ในเดือนที่ผ่านมา
เปิดตัวผู้นำที่สืบเชื้อสายปาชตุนอันเก่าแก่จาก จ.กันดาฮาร์ นายกรัฐมนตรีโมฮัมหมัด ฮัสซัน อัคฮุน จากข้อมูลของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า เขาถือกำเนิดในครอบครัวชนเผ่าคาคาร์ ปาชตุน ที่หมู่บ้านปาชมุล ปัจจุบันอยู่ในเขตซารี ในจังหวัดกันดาฮาร์ ทางใต้ของอัฟกานิสถาน แหล่งกำเนิดของกลุ่มตาลีบัน และกลุ่มเคลื่อนไหวอิสลาม ตลอดจนขบวนการติดอาวุธสู้รบในดินแดนอัฟกานิสถาน โดยสืบเชื้อสายจากอาห์หมัด ชาห์ ดูร์รานี กษัตริย์องค์แรกในราชวงศ์ดูร์รานี ผู้รวบรวมชนเผ่าปาชตุนเมื่อกว่า 300 ปีก่อน
อัคฮุนมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้นำสูงสุดทั้งความคิด-การเมืองและการสู้รบจึงเป็นผู้ถูกเลือก ก่อนหน้านี้นายอัคฮุน ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศ ในสมัยรัฐบาลตาลีบันปกครองอัฟกานิสถาน ช่วงรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีโมฮัมเหม็ด รับบานี ปี 2539-2544
นายอัคฮุน ยังดำรงตำแหน่งผู้นำสภาผู้นำ “เรห์บารี ชูรา” (Rehbari Shura) องค์กรการปกครองและมีอำนาจตัดสินใจทางการเมืองมาอย่างยาวนาน เป็นนักคิดนักเขียนผู้มีผลงานตำราทางศาสนาอิสลามมากมายหลายเล่ม ส่งผลให้เขามีชื่อเสียงในชุมชนกลุ่มนักคิดด้านศาสนา เรียกได้ว่าเขาไม่ได้เป็นบุคคลที่มาจากพื้นเพการเป็นนักรบ
ที่ผ่านมา นายอัคฮุน ยังดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกันดาฮาร์ เป็นบุคคลที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดและภักดีต่อ “เมาลาวี ไฮบาตุลเลาะห์ อัคฮุนซาดา” เป็นผู้นำสูงสุดทางศาสนามาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ขณะที่รายงานข่าวระบุว่า เมาลาวี ไฮบาตุลเลาะห์ อัคฮุนซาดา เป็นผู้เสนอชื่อเขาขึ้นมาเป็นหนึ่งในคนที่มีความเหมาะสมจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 ก.ย.2564 สำนักข่าวซินหัว รายงานอ้างถ้อยแถลงของนายหวัง เวียนบิน (Wang Weinbin) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ว่า จีนให้ความสำคัญต่อการประกาศของกลุ่มตอลิบันในการจัดตั้งรัฐบาลรักษาการของอัฟกานิสถาน เมื่อ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีการกำหนดบทบาทในคณะรัฐบาลรักษาการ และแต่งตั้งนาย Mullah Hassan Akhund เป็น นรม.รักษาการ ซึ่งเป็นการยุติห้วงเวลาสามสัปดาห์ที่อัฟกานิสถานไม่มีรัฐบาลบริหารประเทศ เพื่อจะขับเคลื่อน ฟื้นฟู กำหนดกฎระเบียบในช่วงหลังสงคราม
โดยนโยบายและท่าทีของจีนต่ออัฟกานิสถานมีความชัดเจนที่จะไม่แทรกแซงและเคารพต่ออำนาจอธิปไตยของอัฟกานิสถาน พร้อมทั้งสนับสนุนชาวอัฟกันในการเลือกแนวทางพัฒนาประเทศที่เหมาะสมต่อสภาพการณ์ของประเทศ นอกจากนี้ จีนพร้อมที่จะดำรงความสัมพันธ์กับรัฐบาลรักษาการของอัฟกานิสถานและระดับนำในรัฐบาล
และล่าสุดจีนเตรียมให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน 200 ล้านหยวน รวมอาหาร วัคซีน 3 ล้านโดสให้อัฟกานิสถานโดยเร่งด่วน
จีนและประเทศเพื่อนบ้านอีก5 ประเทศของอัฟกานิสถานจะทำงานร่วมกันในการจัดการกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่เกิดจากการที่สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานอย่างเร่งด่วนและสถานการณ์ล่าสุดในประเทศ โดยจีนประกาศความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงอาหาร ยารักษาโรค และวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในวันพุธ หลังจากกลุ่มตอลิบานอัฟกานิสถานประกาศเมื่อวันอังคารว่าสมาชิกคนสำคัญของรัฐบาลชั่วคราวชุดใหม่
หวัง ยี่ มนตรีแห่งรัฐของจีนและรัฐมนตรีต่างประเทศจีน เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศในประเด็นอัฟกานิสถานในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของอัฟกานิสถานเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยเขากล่าวว่าอนาคตของอัฟกานิสถานยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เนื่องจากรัฐบาลที่กลุ่มตอลิบานจัดตั้งขึ้นนั้นเป็น รัฐบาลชั่วคราว
เพื่อนบ้านของอัฟกานิสถานทุกคนสามารถร่วมมือในด้านต่าง ๆ รวมถึงช่วยอัฟกานิสถานในการเสริมสร้างการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 การเปิดท่าเรือชายแดน เสริมสร้างการจัดการและการควบคุมผู้ลี้ภัย ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม , กระชับความร่วมมือต่อต้านการก่อการร้ายและการดำเนินการต่อต้านยาเสพติด.
หวังประกาศว่าจีนจะจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 3 ล้านโดสให้แก่อัฟกานิสถาน รวมถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฉุกเฉินมูลค่า 200 ล้านหยวน (31 ล้านดอลลาร์) รวมถึงอาหาร ยารักษาโรค และวัสดุอื่นๆ สำหรับฤดูหนาว
หวังเรียกร้องให้กลุ่มตอลิบานดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสกัดกั้นและโจมตีผู้ก่อการร้าย และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งในการแบ่งปันข่าวกรองและการควบคุมชายแดนเพื่อจับกุมและกำจัดกลุ่มก่อการร้ายที่หลบหนีออกจากอัฟกานิสถาน และเน้นว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตก ควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในการให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและมนุษยธรรมแก่ชาวอัฟกัน เพราะพวกเขาคือผู้สร้างปัญหาในอัฟกานิสถานตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
