จากที่วันนี้ 7 กันยายน 2564 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีประเด็นบัตรสองใบที่กำลังถูกกล่าวถึงไว้อย่างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง !?!?
ทั้งนี้เนื้อหาที่หมอวรงค์ ได้โพสต์ไว้ ได้อธิบายถึงข้อดีและข้อเสียของบัตรเลือกตั้งใบเดียว และสองใบไว้ดังนี้
“#บัตรสองใบแค่คิดก็ผิดแล้ว ทักษิณเป็นคนสำคัญ ที่ออกมาเรียกร้องว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องแก้รัฐธรรมนูญ ให้เป็นประชาธิปไตย นั่นคือแก้จากบัตรหนึ่งใบเป็นบัตรสองใบ
ประชาธิปไตยของทักษิณ จึงจบด้วยวิธีการเลือกตั้ง ตามที่เขาต้องการ เพราะวิธีเลือกตั้งนั้น จะเป็นหนทางขึ้นสู่อำนาจของเขา และระบบบัตรสองใบนั้น ทำให้เขาเคยทำสถิติมี ส.ส. 377 คนจากทั้งหมด 500 คน จนนำไปสู่เผด็จการรัฐสภา
การแยกบัตรสองใบ ให้เลือกคนหนึ่งใบ และแยกเลือกพรรคอีกใบ คนชนะชนะเลย คนแพ้คะแนนถูกตัดทิ้ง คนที่อยู่ปาร์ตี้ลิสต์พรรคใหญ่ได้เป็น ส.ส.แน่ๆ พรรคใหญ่ทุนหนาจึงได้สองเด้ง
เด้งแรกเลือกตัว ส.ส. ยิ่งแบ่งเขต 400 เขต เขตจะเล็กลง การซื้อเสียงเพื่อตัว ส.ส.เองจะง่าย เข้าเป้า ใช้เงินมาก พรรคที่มีเงินเยอะจะได้เปรียบมาก
คนที่มีอิทธิพล โครงข่ายหัวคะแนนและได้เงินจากพรรค ยิ่งได้เปรียบ จึงเกิดภาพ ส.ส.ผูกขาดของตระกูล ประจำจังหวัด(เหมือนในอดีต) ที่สำคัญจะมีการซื้อ ส.ส.เพราะคะแนนจะตามตัว ส.ส.
เด้งที่สอง นอกจากพรรคใหญ่เงินเยอะ มีโอกาสได้ ส.ส.เขตแล้ว ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ก็จะเป็นของแถมสมทบเข้าไปอีก ทำให้นายทุนพรรคได้เป็น ส.ส. แน่นอน เขาจึงเรียกร้องอยากได้ระบบนี้ เพราะได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ได้ทั้งสองเด้ง และภาพรวมจะได้ ส.ส.มากขึ้นกว่าความเป็นจริง
ขณะที่ระบบบัตรใบเดียว เลือกพรรค คะแนนทุกคะแนนเอามาคำนวน ไม่มีคะแนนทิ้งตกน้ำ เพื่อให้ได้ส.ส. ระบบนี้ เป็นระบบกึ่งเลือกนายกโดยตรง เพราะคะแนนนิยมจะมาจาก ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ
ในอนาคต ทุกพรรคการเมืองต้องหาคนที่สังคมยอมรับมาเสนอ ก็คือหาคนเก่งคนดีมา ส่วนผู้สมัคร ส.ส. เขตเป็นองค์ประกอบเสริม เนื่องจากเป็นการกาชื่อพรรคทั้งประเทศ ทำให้การซื้อเสียงยากกว่าซื้อให้ตัวบุคคลแบบสองใบ การใช้เงินน้อยกว่ามาก
ภาพรวมจึงเป็นกระแสความนิยม ในเชิงอุดมการณ์มากกว่าการเลือกบุคคลของบัตรสองใบ การคิดจำนวน ส.ส.สะท้อนความเป็นจริงมากกว่า เพราะกาใบเดียว เอาทุกคะแนนมาหาจำนวน ส.ส. ระบบนี้นายทุนพรรคจะไม่ชอบเลย เพราะปาร์ตี้ลิสต์ก็สอบตกได้ อย่างที่เห็น
ระบบบัตรใบเดียวจึงยากมาก ที่จะเกิดรัฐบาลพรรคเดียว ช่วยแก้ปัญหาเผด็จการรัฐสภา ที่เคยเกิดจากบัตรสองใบในอดีต แม้จะเป็นรัฐบาลผสม แต่จะมีเสถียรภาพ พรรคการเมืองไม่กล้าออกนอกลู่นอกทางมาก เพราะจะมีผลต่อกระแสนิยมของพรรค ซึ่งถ้าประชาชนไม่เอา พรรคนั้นสามารถสูญพันธุ์ได้ง่ายๆ
ระบบบัตรใบเดียว จึงตอบโจทย์ต่อปัญหาการเมืองของชาติ เพราะยากที่จะเกิด ส.ส. ผูกขาดและเผด็จการรัฐสภา ยกเว้นทั้งพรรคและตัว ส.ส. ต้องช่วยกันทำความดีให้ประชาชน ในระยะยาว พรรคการเมืองจึงต้องทำเพื่อประชาชน เพื่อให้เกิดความนิยมในการเลือก ส.ส.
ในระบบบัตรใบเดียว นักการเมืองไม่อยากให้ยุบสภา เพราะไม่แน่ใจว่าตนเองจะได้เข้ามาอีกหรือไม่ ต่างจากบัตรสองใบ เลือกกี่ครั้งก็หน้าเดิม เพราะทุกอย่างหัวคะแนนคุมได้ บัตรใบเดียวประชาชนจึงมีพลังมาก สามารถลงโทษพรรคการเมืองได้อย่างมีอานุภาพ จึงไม่แปลกที่นักการเมืองอย่างทักษิณไม่ชอบ
หลายคนกังวล ส.ส.ปัดเศษ การเลือกตั้งรอบใหม่ จะไม่ใช้บทเฉพาะกาล ทุกเขตเลือกตั้ง 350 เขต ผู้สมัครทุกคนต้องผ่านไพรมารีโหวต ซึ่งพรรคปัดเศษจะไม่สามารถส่ง ส.ส.ได้ เพราะพรรคที่จะส่งได้ทุกเขต ต้องมีศักยภาพทั้งประเทศ ดังนั้นในครั้งต่อไปจะไม่มี ส.ส.ปัดเศษแน่นอน
ความกังวลคุณภาพ ส.ส.แบบที่เห็นในสภา ประสบการณ์ผม ระบบบัตรสองใบ ก็สร้างปัญหาคุณภาพ ส.ส. เพราะพวกเลวๆเขาจะเอา มาอยู่ปาร์ตี้ลิสต์ และผู้สมัครเขตจะเป็นเจ้าพ่อ นักเลง ขายหวย เจ้าของบ่อนที่มีโครงข่าย ซึ่งแย่กว่าพวกมาจากบัตรใบเดียวมาก
ในระยะยาวเพื่อประโยชน์ประเทศ ระบบบัตรใบเดียวจะดีกว่าบัตรสองใบ ยิ่งเป็นสิ่งที่ทักษิณเรียกร้องให้แก้ ถ้าคิดจะเดินตามที่ทักษิณต้องการ เท่ากับว่า กำลังจะยกประเทศให้ทักษิณอีกรอบหนึ่ง แบบนี้แค่คิดก็ผิดแล้ว”