แถลงการณ์ร่วมจากสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ กล่าวว่าพวกเขา “ได้รับคำรับรองจากกลุ่มตอลิบาน” ว่าผู้ที่มีเอกสารการเดินทางที่แสดงว่าพวกเขามีความชัดเจนในการเข้าประเทศใดๆ เหล่านี้สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย
สำนักข่าวนิวยอร์กไทมส์รายงานว่า สหรัฐฯและอีก 97 ประเทศ นานาชาติจะยังคงรับผู้ต้องการเดินทางออกจากอัฟกานิสถานต่อไป หลังจากกำหนดเส้นตายที่กองทัพอเมริกันออกเดินทางในสัปดาห์นี้ และได้บรรลุข้อตกลงกับกลุ่มตาลิบันเพื่ออนุญาตให้ผู้ที่กำลังจะจากไปอย่างปลอดภัย
เชอร์ โมฮัมเหม็ด อาบาส สตาเนกไซหัวหน้าผู้เจรจาของตาลิบันประกาศเมื่อวันศุกร์สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กลุ่มจะไม่ขัดขวางผู้คนจากการจากไป ไม่ว่าพวกเขาจะมีสัญชาติใดหรือเคยทำงานให้กับสหรัฐอเมริกาในช่วงสงคราม 20 ปีหรือไม่
แถลงการณ์ร่วมที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ส.ค.2564 ในนามของรัฐบาลมากกว่าครึ่งของโลกและองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือกล่าวว่าพวกเขา “ได้รับคำรับรองจากกลุ่มตาลิบัน” ว่าผู้ที่มีเอกสารการเดินทางแสดงว่าพวกเขามีความชัดเจนในการเข้าประเทศใด ๆ เหล่านี้ได้อย่างปลอดภัย สามารถขึ้นเครื่องออกเดินทางได้
สหรัฐและตะวันตกยังให้คำมั่นที่จะ “ออกเอกสารการเดินทางให้กับชาวอัฟกันที่ถูกต้องต่อไป” และอ้างถึง “ความคาดหวังและความมุ่งมั่นที่ชัดเจนจากกลุ่มตาลิบัน” ในเส้นทางที่ปลอดภัยของพวกที่ต้องการอพยพ
ซัลเมย์ คาลิลซาด หัวหน้าทูตอเมริกันประจำการเจรจาสันติภาพตอลิบานทวีตเมื่อวันเสาร์ว่าคำรับรองของตอลิบานเป็น “แง่บวก” และ “เราและพันธมิตรของเรา และประชาคมระหว่างประเทศจะยึดมั่นในคำมั่นสัญญาเหล่านี้”
ซึ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับชาวอัฟกันหลายหมื่นคนที่หน่วยงานบรรเทาทุกข์กล่าวว่า พวกเขากลัวถูกทอดทิ้งและเป็นสิ่งอันตรายในการใช้ชีวิตภายใต้การปกครองของตาลิบัน โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานในกองทัพอเมริกันหรือสถานทูตสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2544 และมีสิทธิ์อพยพไปยังสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ได้รับการตอบรับในการเดินทางก่อนเส้นตาย 31 ส.ค.ที่ผ่านมา พวกเขาเชื่อว่าถูกทรยศหักหลังจากสหรัฐ-อังกฤษ
พลเมืองอเมริการายหนึ่งที่ทำงานเป็นล่ามให้กองทัพสหรัฐฯ กว่าสิบปี ให้สัมภาษณ์ทางไกลกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า เวลานี้เธอตกค้างอยู่ในอัฟกานิสถาน เพราะไม่ได้รับแจ้งว่าเที่ยวบินอพยพเที่ยวสุดท้ายกำลังจะออกเดินทางเมื่อวันจันทร์ (30 ส.ค.) ที่ผ่านมา
“ฉันเพิ่งทราบว่าทหารสหรัฐฯ คนสุดท้ายเพิ่งเดินทางออกไป ฉันอึ้งพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ” ผู้หญิงรายดังกล่าวซึ่งใช้นามแฝงเพื่อความปลอดภัย ว่า “ซารา” ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นในวันจันทร์ (30 ส.ค.) “ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าไม่มีใครบอกฉันว่ามันเป็นเที่ยวบินสุดท้ายแล้ว”
ซารา ระบุว่า เวลานี้เธออยู่ในอาการหวาดผวามากกว่าครั้งไหนๆ ที่เธอเคยช่วยกองทัพสหรัฐฯ ในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา “พวกเขาทิ้งเราไว้กับใคร? ไว้กับคนที่ฆ่าเราตลอดเวลา?”
.@WSJ's @TParti asks Psaki about the paper's reporting that an translator who saved Biden, Chuck Hagel, & John Kerry and is trapped in Afghanistan.
Psaki says "thank you for the role you played in helping a number of my favorite people" and the U.S. will keep trying to help. pic.twitter.com/RBkC93wyhu
— Curtis Houck (@CurtisHouck) August 31, 2021
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับรายการ “Cuomo Prime Time” ซาราเล่าว่า สิ่งที่ทำให้เธอหวาดผวามากที่สุดก็คือ ข่าวที่ว่าพวกนักรบตาลิบันเคาะประตูบ้านประชาชนทีละหลัง “มันก็แค่ใจสลาย แต่ฉันยังคงหวังว่าเราจะออกไปได้”
ผู้หญิงรายนี้เผยว่า เธอพยายามออกไปขึ้นเครื่องบินอพยพที่สนามบินคาบูลซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเล่าว่าได้รับคำสั่งให้ถือร่มและตะโกนรหัสลับเพื่อผ่านจุดตรวจ “แต่ไม่ได้ผล” ท่ามกลางผู้คนที่พยายามหลบหนีหลายพันคน” เธอตั้งคำถามว่า
ถ้าอเมริกาไม่ช่วยฉันตอนที่พวกเขายังอยู่ในพื้นที่ แล้วตอนนี้พวกเขาจะช่วยฉันยังไง ในเมื่อไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้ว”
จอห์น เคอร์บี โฆษกของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุในวันอังคาร (31 ส.ค.) ว่าชาวอเมริกาหลายร้อยคนยังคงอยู่ในอัฟกานิสถาน หลังเครื่องบิน C-17 เที่ยวสุดท้ายบินออกจากสนามบินคาบูล ตอน 23.59 น.ตามเวลาท้องถิ่น ไม่นานก่อนเส้นตายถอนทหารวันที่ 31 สิงหาคม