หลังจากการเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เข้าสู่วันที่ 3 แล้วนั้น และก่อนหน้านี้ก็มีความเข้มข้น ดุเดือดอย่างมากในหลาย ๆ ประเด็นที่มีการอภิปราย ทั้งเรื่องของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายโจมตีการจัดหาวัคซีน การบริหารจัดการวัคซีน ของพล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน
รวมทั้งกรณีที่ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ได้เริ่มอภิปราย และทวงถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ตอบคำถามว่า เหตุใดจึงยังสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวค ทั้งที่ป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาไม่ได้ และทำไมไม่เข้าโครงการ COVAX เพราะแสดงถึงวิสัยทัศน์ผู้นำ พร้อมขอให้ตอบให้ชัดเรื่องเงินทอนของการซื้อวัคซีนซิโนแวคที่หายไป 1.6 พันล้าน
ล่าสุดทางด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวชี้แจงต่อสภา ระบุว่าที่ผ่านมา ในด้านการสาธารณสุข ทางรัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์เพื่อรับมือกับโควิด-19 รวมถึงสายพันธุ์เดลตา โดยในส่วนที่ประชาชนเดินทางกลับต่างจังหวัด ยืนยันไม่ได้ปล่อยปละละเลยตามที่กล่าวอ้าง มีการกักตัว มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต่างจังหวัดดูแล
ส่วนเรื่องเอกสารข้อสั่งการเรื่องการสั่งซื้อ ชุดตรวจ Antigen Test Kit หรือ ATK 8.5 ล้านชุด จากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ในที่ประชุม ศบค. ที่ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย นำมาเปิดเผยต่อสภา นั้น อยากถามว่าทราบข้อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่
“เรื่อง ATK ผมพูดอีกครั้ง ในเอกสารที่บอกนายกฯ เห็นชอบ นายกฯ เห็นชอบให้นำเรื่องต่างเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เป็นบทบาทการทำหน้าที่ปกติของนายกฯ เรื่องนี้เป็นเพียงการรายงาน ของ ศบค. เพื่อทราบ ไม่ใช่เพื่อการพิจารณา ส่วนที่ประชุมมีข้อสังเกตอย่างไรอีกเรื่องหนึ่ง แล้วก็นำเข้าสู่เป็นมติที่ประชุม ครม. ตรวจสอบจากการอัดเทปแล้ว อันนี้ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง การที่เอาเอกสารมา ระวังด้วยแล้วกัน เมื่อวานก็ได้ดูการชี้แจงไปแล้ว การนำเอาเอกสารเท็จมาชี้แจงในสภา ของกระทรวงกลาโหมมาแจงในสภา”
ส่วนประเด็นเรื่องตลาดวัคซีน ยืนยันว่าเป็นตลาดของผู้ขาย ไม่ใช่ของผู้ซื้อ จึงขอให้ระวังเรื่องการด้อยค่า เพราะมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งวัคซีนก็สามารถลดป่วยตายไปได้มาก ส่วนรัฐบาลก็พยายามทำทุกทาง ในเรื่องการติดต่อ ทั้งการจัดซื้อจัดหา แลกเปลี่ยนวัคซีน การที่ต่างชาติมอบวัคซีนให้ก็ไม่เคยไปร้องขอ เพราะขอใครไม่ได้ พร้อมทั้งขอร้องอย่าสร้างความด่างพร้อยให้องค์การอาหารและยา หรือ อย. ที่ทำงานมายาวนนาน ต้องเชื่อมั่นบ้าง
ทั้งนี้รัฐบาลมีการปรับกลุยุทธ์เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิดมาตลอด วันนี้คณะแพทย์มีการคิดค้นสูตรการฉีดวัคซีน ซึ่งศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) หรือ ศบค. มีหน้าที่ในการบูรณาการ ส่วนที่ให้เอาหลักฐานมาแสดง ถามว่าท่านทราบระบบการทำงานหรือไม่ ศบค.จะไม่มีผลเชิงปฏิบัติเลยตราบใดที่ยังไม่เข้าครม. จากนั้นจึงตัดสินใจร่วมกัน นี่คือการบริหารราชการแผ่นดิน
ส่วนแผนการจัดหาวัคซีนเรามีแผนการดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 63 ปัจจุบันองค์การอนามัยโลก (WHO) รับรองวัคซีนเพียง 7 ยี่ห้อเท่านั้น ตลาดวัคซีนเป็นตลาดของผู้ขายไม่ใช่ตลาดของผู้ซื้อ ต้องระวังเวลาด้อยค่าวัคซีน สุดท้ายประเทศเขาไม่นำออกมาจะทำอย่างไร ซึ่งวัคซีนช่วยลดอัตราการป่วย การเสียชีวิตได้มาก รัฐบาลพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการจัดซื้อ จัดหา และการแลกเปลี่ยนวัคซีน วันนี้ที่เขามอบให้ไทยตนไม่เคยอ้อนวอนขอร้อง แต่เขาให้เองจากความสัมพันธ์ที่มีมาในอดีต
สำหรับราคาวัคซีนจัดซื้อเท่าไหร่ ก็เบิกงบประมาณเท่านั้น ราคาโดสละ 17.0 เหรียญสหรัฐ อย่าเอาทุกอย่างประมวลรวมมั่วไปหมด เพราะจะเกิดความเข้าใจผิด เพราะนอกจากค่าวัคซีนยังมีค่าเวชภัณฑ์วัคซีน ค่าขนส่ง ค่าบริหารจัดการ และการบริหารอีกหลายเรื่อง ท่านก็ไปตรวจสอบดู
วันนี้เราฉีดวัควีนไปแล้ว 33 ล้านโดส คาดปีนี้จะฉีดวัคซีนให้คนไทยได้ครบตามที่ตั้งเป้าไว้ ส่วนการเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์นั้น อาเซียนที่เข้าร่วมโคแวกซ์ถือว่าได้รับวัคซีนเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก บางประเทศได้รับแค่หลักแสนโดสแต่สำหรับประเทศไทยได้จองวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 38 ล้านโดส ถือว่าสูงกว่าหลายประเทศ ยืนยันว่า จะได้ครบ 61 ล้านโดส ภายในเดือน ธ.ค.นี้
ที่เราใช้วัคซีนซิโนแวค เพราะเป็นเชื้อตายที่ชาวโลกใช้มาเนิ่นนานเป็นที่คุ้นเคยดี ผลข้างเคียงน้อยอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ เราสั่งซื้อได้ในจำนวนที่เราต้องการ เราจำเป็นต้องมีวัคซีนหลักให้เร็วที่สุด การด้อยค่าวัคซีนถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน การพูดอะไรที่ไม่เป็นข้อเท็จจริง อาจจะพาดหัวหนังสือพิมพ์ในประเทศที่ผลิตวัคซีน อาจส่งผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ขอให้ใช้วิจารณญาณ ใช้ภูมิปัญญาอย่างมากในคำพูดทุกคำพูดท่านต้องรับผิดชอบ
การคลายล็อกเปิดกิจการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา อย่าประมาท ตนไม่ได้โทษใคร แต่ขอความร่วมมือ แต่หลายท่านเอาไปพูดให้เกิดความขัดแย้งกับประชาชน
อย่างไรก็ตามระหว่างการชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ มีสภาพอิดโรย มีอาการคัดจมูกน้ำมูกไหล ทำให้นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงว่า นายกฯ คอยสูดน้ำมูกตลอดเวลานับได้ 98 ครั้ง จึงขอประท้วงประธานในที่ประชุม ว่าเหตุใดปล่อยให้คนเป็นหวัดเข้ามาในห้องประชุม อาจมีการแพร่เชื้อได้ จากนั้น นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับผู้ประท้วง ถ้าเป็นไปได้อยากให้นายกฯ ถอดหน้ากากอนามัยแล้วเข้าไปชี้แจงยังโพเดียมที่เตรียมไว้ให้ สุดท้ายนายกฯ จึงไม่ชี้แจงต่อ
