ประเทศจีนประสบความสำเร็จในการเพาะปลูก “ข้าวยักษ์” ซึ่งเติบโตได้มากกว่าสองเมตร ซึ่งสูงเป็นสองเท่าของข้าวธรรมดา ชาวเน็ตเรียกสิ่งนี้ว่า “ความฝันที่เป็นจริง” สำหรับ “บิดาแห่งข้าวลูกผสม” หยวนหลงผิง ที่เพิ่งล่วงลับไปในปีนี้
ข้าวชนิดพิเศษนี้ปลูกในฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มีพื้นที่ 15 หมู่ (10,000 ตารางเมตร) และคาดว่าจะเก็บเกี่ยวได้ในเดือนกันยายนตามที่สื่อจีนรายงาน
เฉิน หยางผู่(Chen Yangpu) รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเทคโนโลยีวิศวกรรมข้าวลูกผสมระดับชาติของจีน สาขานครฉงชิ่ง กล่าวว่า ข้าวขนาดยักษ์ถูกเลี้ยงในหมู่บ้าน Changhong ของ Chonqing ในเดือนเมษายนปีนี้ และต้นกล้าถูกปลูกในเดือนพฤษภาคม ผลผลิตต่อหมู่บ้านน่าจะสูงถึง 750-900 กิโลกรัม
เฉินกล่าวว่าความสูงเฉลี่ยของต้นข้าวแต่ละต้นอยู่ระหว่าง 1.8 เมตรถึง 2.25 เมตร ซึ่งสูงกว่าต้นข้าวธรรมดามาก
ข้าวชนิดนี้มีก้านข้าวที่แข็งแรงและสูง อีกทั้งยังทนต่อน้ำท่วมขังและดินที่เป็นด่าง นอกจากนี้ยังสามารถนำสารอาหารที่เพียงพอมาสู่พืชที่อยู่ใกล้เคียงและเป็นที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุดสำหรับสัตว์น้ำและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสำหรับที่พักพิง
เฉินระบุว่าปีนี้เป็นปีแรกที่มีการเพาะปลูกข้าวยักษ์ในเขตต้าจู๋ ตอนนี้การทดลองประสบความสำเร็จดี และคาดว่าจะได้ผลผลิตสูง 12 ตันต่อเฮกตาร์ โดยข้าวยักษ์ไม่เพียงมีขนาดหนาและใหญ่ แต่ยังมีลักษณะสูงและตรงด้วย ข้าวชนิดดังกล่าวบางต้นอาจสูงถึง 2.1-2.2 เมตร
เมื่อนาข้าวที่มี “ข้าวยักษ์” กักเก็บน้ำได้ลึก 60–80 เซนติเมตร ทุ่งนาจะเอื้อต่อการเลี้ยงปลา กุ้ง หรือปู ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ผู้เชี่ยวชาญหลายพันคนจะดำเนินโครงการประเภทนี้ในฉงชิ่ง
ขณะเดียวกันคณะนักวิจัยเชื่อว่าข้าวยักษ์ยังมีความทนทานต่อโรค น้ำท่วม และความเค็มด้วย
เฉินกล่าวทิ้งท้ายว่า “ปีหน้าเราจะขยายพื้นที่ปลูก ‘ข้าวยักษ์’ ในต้าจู๋และทั่วฉงชิ่ง นา ‘ข้าวยักษ์’ สามารถรองรับน้ำได้มากกว่าเดิม ซึ่งจะทำให้สามารถเพาะพันธุ์ปลา กุ้ง และปูได้ด้วย ทำให้ชาวนาเก็บเกี่ยวพืชผลมากขึ้นและเพิ่มพูนรายได้ นี่อาจเป็นโครงการดีเยี่ยมที่จะช่วยส่งเสริมการชุบชีวิตชนบท”
ชาวเน็ตชาวจีนยกย่องว่าเป็นช่วงเวลา “ความฝันที่เป็นจริง” สำหรับหยวนหลงผิง “บิดาแห่งข้าวลูกผสม” ของจีน หลายคนโพสต์ออนไลน์ไหว้หยวนหลังอ่านข่าวว่า “ความฝันของคุณกำลังจะเป็นจริง คุณเห็นไหม”
นักวิทยาศาสตร์ด้านข้าวชั้นนำที่เพาะพันธุ์ข้าวลูกผสมที่ให้ผลผลิตสูงสายพันธุ์แรก เสียชีวิตในวัย 91 ในเมืองฉางซาเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้