ไม่รอด “ศปปส.”หอบหลักฐานเอาผิด “ลูกนัท” เพิ่ม อีก 20 รายโดนคดี 112 ด้วย

1703

หลังจากเมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา นายจักพงศ์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่มศูนย์รวม​ประชาชน​ปกป้อง​สถาบัน (ศปปส.) พร้อมนางแน่งน้อย อัศวกิตติกร ประธานศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) และตัวแทนกลุ่มศูนย์รวม​ประชาชน​ปกป้อง​สถาบัน

ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก.สน.สำราญราษฎร์ เพื่อยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม ที่ก่อนหน้านี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เพื่อดำเนินคดีกับ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ลูกนัท หลังเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองกับกลุ่มทะลุฟ้า บริเวณอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยการนำหนังสือเอกสารหลักฐาน สืบเนื่องจากคลิปของกนัทที่ขึ้นปรายศับบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถึงเรื่องนิรโทษกรรม การยกเลิกความผิดมาตรา 112 รวมถึงบริเวณหน้ารัฐสภาที่พูดถึงบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ให้ได้รับความเสียหาย ด้อยค่า ซึ่งอาจมีเจตนาที่ส่อสื่อถึงการล้มล้มล้างสถาบัน ล้มล้างการปกครอง และสนับสนุนการยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งอยากให้เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญกับการกระทำของลูกนัท รวมถึงการแต่งกายล้อเลียนที่มีเจตนาก้าวล่วงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่

ล่าสุดบรรยากาศที่สน.สำราญราษฎร์ พบว่ากลุ่มมวลชนแนวร่วมเครือข่ายศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดย จักรพงศ์ กลิ่นแก้ว แกนนำ ศปปส. เดินทางมายื่นหลักฐานแจ้งความดำเนินคดี ต่อนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือลูกนัท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112​ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มายื่นหลักฐานแล้วบางส่วน วันนี้จึงมายื่นหลักฐานเพิ่มเติม

โดยนายจักรพงศ์ เปิดเผยว่า หลักฐานที่นำมาแจ้งความคือการโพสต์ภาพครุฑปิดตาข้างหนึ่ง และข้อมูลบนสื่อโซเชียลมีเดียของนายธนัตถ์ที่ผ่านมา ซึ่งทางกลุ่มได้พิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวผิดพระราชบัญญัติเครื่องหมายครุฑพ่าห์ พ.ศ. 2534 ในมาตรา 7 กับมาตรา 12 หรือไม่ จึงนำเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมมาร้องต่อเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน และดูว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาทางกลุ่มได้ติดตามและเฝ้าสังเกตการณ์อยู่เสมอถึงพฤติกรรมการโพสต์ของธนัตถ์อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังได้แจ้งความดำเนินคดีมาตรา 112 กับกลุ่มประชาชนอีก 20 ราย โดยมีหลักฐานชื่อข้อมูลบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ และชื่อเฟซบุ๊ก ถึงพฤติกรรมการโพสต์การแชร์ของทั้ง 20 คน ซึ่งจะนำเรียนสอบถามปรึกษาเจ้าหน้าที่ว่าผิดข้อกฎหมายหรือไม่ หากผิดจะดำเนินการอย่างไรบ้าง หรือหากไม่ผิดจะดำเนินการอย่างไรต่อไป