โควิดสายพันธุ์เดลต้าในสหรัฐยังระบาดหนัก ทำยอดเสียชีวิตจากโควิดพุ่งสูงกว่า 1,000 รายในวันเดียว โดยเฉพาะในมลรัฐที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ บริษัทวาณิชธนกิจอย่าง โกลด์แมน แซคส์ หั่นคาดการณ์จีดีพีสหรัฐในช่วงไตรมาส 3 จากเดิม 9% เหลือเพียง 5.5% เมื่อพิจารณาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดเดลต้า ไม่เกรงใจที่ไอเอ็มเอฟ และเฟดอวยว่าดี แต่อดแย้มไม่ได้ว่ากังวลปัญหาเงินเฟ้อ
รายงานคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐของโกลด์แมน แซคส์ ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐ เหลือเพียง 5.5% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 9% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐจะพุ่งขึ้นสูงกว่าคาดในช่วงที่เหลือของปีนี้
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ระบุในรายงานว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาส่งผลกระทบมากกว่าคาด ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ เนื่องจากกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคการผลิต
ขณะเดียวกัน โกลด์แมน แซคส์ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ GDP ประจำไตรมาส 4 สู่ระดับ 6.5% จากเดิมที่ระดับ 5.5% โดยระบุว่า ความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะบรรเทาลง ขณะที่ภาคบริการยังคงฟื้นตัวขึ้น
ในวันเดียวกันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ลดลงสู่ระดับ 348,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.2563 จากระดับ 377,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งนับเป็นแนวโน้มที่ดี
นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าว ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 363,000 ราย อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงสูงกว่าระดับ 230,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องได้ลดลงสู่ระดับ 2.82 ล้านราย และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 เช่นกัน
ด้านการคาดการณ์ของเฟด-ธนาคารกลางสหรัฐ ออกแถลงการณ์ว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในประเด็น “แนวโน้มเศรษฐกิจ” ในการประชุมประจำปีของเฟดซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้
สำหรับหัวข้อการประชุมประจำปีนี้คือ “Monetary Policy Framework Review” ซึ่งคาดว่าจะเป็นการแสดงความเห็นโดยทั่วไป และแตกต่างจากปีที่แล้วซึ่งเจ้าหน้าที่เฟดได้อภิปรายในประเด็นที่เฉพาะเจาะจง
ทั้งนี้ คาดว่าการประชุมที่แจ็กสัน โฮลในปีนี้ เฟดอาจจะไม่ได้เปิดเผยไทม์ไลน์ให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทราบเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งเป็นมาตรการที่มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่า ในการประชุมสัปดาห์หน้า นายพาวเวลอาจจะเปิดเผยโร้ดแมพที่ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเขาต้องการจะเปิดกว้างในการเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการ QE ในขณะที่กรรมการเฟดส่วนใหญ่ได้สนับสนุนให้เริ่มปรับลดวงเงิน QE แต่ก็มีกรรมการเฟดบางคนที่แสดงความกังวลว่าอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น
รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ซึ่งเฟดเปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการ QE ในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวเป็นวงกว้างตามที่เฟดคาดการณ์ไว้ โดยปัจจุบัน เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งประกอบด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์
ด้านIMF คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวที่ 7% เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์เมื่อเดือนเมษายนที่ระดับ 6.4% ส่วนเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนคาดว่าจะเติบโต 4.6% ปีนี้ หลังจากหดตัว 6.5% ปีที่แล้ว ชณะที่เศรษฐกิจจีนและอินเดีย คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 8.1% และ 9.5% ตามลำดับ