“หมอวรงค์” ฟ้องศาลอาญาทุจริตฯ-ยื่นหนังสือนายกฯ ระงับการประมูลดาวเทียมไทยคม หวั่นเอื้อประโยชน์เอกชน?

1369

“หมอวรงค์” ฟ้องศาลอาญาทุจริตฯ-ยื่นหนังสือนายกฯ ระงับการประมูลดาวเทียมไทยคม หวั่นเอื้อประโยชน์เอกชน?

จากกรณีเมื่อวันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม 2564 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ฟ้องศาลดำเนินคดีนางสาวยิ่งลักษณ์และครม. กระทรวงไอซีที กสทช.และกทค. กรณีการออกใบอนุญาตให้ไทยคม7 และไทยคม8 ไม่ชอบ ฐานความผิดตามมาตรา157 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยจำเลยที่ถูกฟ้องทั้งหมดมี 4กลุ่มจำนวน 52 คน คือ 1.ยิ่งลักษณ์ และ ครม. 2.ปลัดและรองปลัดกระทรวงไอซีที 3.คณะกรรมการ กสทช.และ 4. คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม หรือกทค.

เนื้อหาการฟ้องร้องมี 4 ประเด็นสำคัญดังนี้

1. มติคณะรัฐมนตรีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ วันที่ 20 กันยายน 2554 ที่มอบให้ บริษัท ไทยคม นำใบเอกสารข่ายงานดาวเทียม ตำแหน่งที่ 120E ไปร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการพิเศษฮ่องกงฯ

2. ให้ กสทช. ออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ให้ บริษัทไทยคม เพื่อจะเปลี่ยน ระบบสัญญาสัมปทาน เป็น ระบบใบอนุญาต ทำให้กรรมสิทธิ์ดาวเทียมไม่ต้องโอนเป็นของรัฐ แต่ยังเป็นของเอกชน

3. ปลัดและรองปลัดกระทรวง ให้ความช่วยเหลือ เอื้อประโยชน์ ไม่บังคับให้เป็นไปตามสัญญาสัมปทานและไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย

4. กสทช. และ กทค. ไม่มีอำนาจที่จะออกใบอนุญาต การอนุญาตเป็นการกระทำความผิดตาม รัฐธรรมนูญ และกฎหมายกิจการโทรคมนาคม

การกระทำดังกล่าวของบุคคลตั้งแต่ นางสาวยิ่งลักษณ์ คณะรัฐมนตรี ปลัดและรองปลัดกระทรวง กสทช. และ กทค. จึงเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ดังต่อไปนี้

มาตรา 83 ผู้ใดร่วมกระทำความผิด ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเป็นตัวการ
มาตรา 84 ผู้ใช้ให้กระทำความผิด
มาตรา 86 ช่วยเหลือสนับสนุนในการกระทำความผิด
มาตรา 152 เจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น
มาตรา 157 เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อได้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต

พยานหลักฐานชัดเจนที่จะลงโทษต่อผู้เกี่ยวข้อง และได้รวบรวมพยานหลักฐาน ประเด็นดังกล่าว ฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ล่าสุดวันนี้ 16 สิงหาคม เวลา 11.00น. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ เรื่อง ขอให้ระงับการประมูลและตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ให้ กสทช. เปิดประมูลใบอนุญาตดาวเทียมไทยคม ที่ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล (ตึก กพ เดิม)

ตามที่ ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม ในลักษณะจัดชุด (Package) ลงราชกิจจาเบกษา เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ตามประกาศของ กสทช.

หากปล่อยให้มีการจัดประมูลตามประกาศฯ ดังกล่าว จะเกิดผลเสียหายต่อทรัพยากรของประเทศที่ยากต่อการเยียวยา เนื่องจาก การให้เอกชน เข้าใช้สิทธิ วงโคจร และการใช้คลื่นความถี่ดาวเทียม จะทำได้วิธีเดียวเท่านั้น คือ ใช้ระบบสัมปทาน มิใช่ ระบบใบอนุญาต ตามที่คณะกรรมการ กสทช. กำลังดำเนินการอยู่นี้ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ผิดต่อบทบัญญัติ รัฐธรรมนูญและ อนุสัญญากฎหมายอวกาศ ค.ศ. 1967 ที่ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นแล้วในขณะนี้

ขณะนี้ ประเทศไทย ก็ได้รับความเสียหาย จากการที่ คณะกรรมการ กทค. และ กสทช. ในชุดปัจจุบัน ออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม เลขที่ 3ก/55/002 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2555 ให้กับ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยคมฯ ก็นำใบอนุญาตฯ ดังกล่าว ไปทำสัญญาร่วมกับ บริษัท Asia Satellite Telecommunications Company Limited บริษัทเอกชนจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยอ้างว่า ใช้สิทธิตามใบอนุญาตฯ และมิยอม โอนกรรมสิทธิ์ดาวเทียมส่งมอบทรัพย์สินตามสัญญาสัมปทาน ปี 2534 ยังมิได้ชำระค่าสิทธิในการเข้าถึงวงโคจรและคลื่นความถี่และชำระผลประโยชน์ตอบแทนตามสัญญาดังกล่าว เป็นข้อพิพาทระหว่าง บริษัท ไทยคมฯ กับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมอยู่ในขณะนี้ที่ชั้นอนุญาโตตุลาการ

จึงขอ ท่านนายกรัฐมนตรีได้โปรดมีคำสั่งตรวจสอบ ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ตามที่กระผมได้กล่าวอ้าง และโปรดมีคำสั่งระงับการประมูล เพื่อมิให้เกิด ความเสียหายที่ยากต่อการแก้ไขและรักทรัพยากรของชาติ