สู้แล้วรวยมีจริง!? แรมโบ้ แจ้งจับ “ณัฐวุฒิ” ข้อหายุยงปลุกปั่น กรณีจัดคาร์ม็อบ-คาร์ปาร์ค บุกร้อง ปปง. สอบท่อน้ำเลี้ยงม็อบ!?
จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (15 สิงหาคม 2564) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 16 ส.ค.นี้ เวลา 10.00 น ที่กองปราบปราบฯ ตนและทนายความ จะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และพวกในข้อหากระทำความผิดตามพรก.ฉุกเฉิน พรบ.ควบคุมโรคติดต่อ และความผิดหลายคดีตามประมวลกฎหมายอาญาอีกหลายมาตรา
ล่าสุดวันนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองปราบปราม นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปช. นายวรชัย เหมะ และพวก ในข้อหากระทำความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อ และม.116
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. และพวก ใช้พฤติกรรมเดิม ๆ คือ การโพสต์ปลุกระดมให้มวลชนมาเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยมีเป้าหมายหวังผลทางการเมือง ตนเรียนให้ทุกท่านทราบว่า ตั้งแต่ที่นายณัฐวุฒิทำมาตั้งแต่ปี 2552-2553 และจนถึงปัจจุบัน ขณะนี้นายณัฐวุฒิ ยังมีคดีก่อการร้ายติดตัวอยู่ ในชั้นศาลอุทธรณ์ซึ่งอัยการก็ได้มีความเห็นในการยื่นเรื่องอุทธรณ์ กิจกรรมที่นายณัฐวุฒิดำเนินการอยู่นั้นมีความผิดหลายข้อหาก็หาที่ 1 คือการฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน พรบ.ควบคุมโรคติดต่อ การชุมนุมมั่วสุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป รวมถึงประมวลกฎหมายอาญาอีกหลายมาตรา ตั้งแต่มาตรา 84-87 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับปลุกระดมให้คนมาก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ทั้งที่รู้ว่าเห็นผลแล้ว เพราะนายณัฐวุฒิได้ก่อการร่วมกับนายสมบัติบุญงามอนงค์ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม หลังจากทจบกิจกรรมไปแล้วความวุ่นวายก็ตามมา ตั้งแต่นั้นตามเหตุการณ์ก็มาเรื่อย ๆ ถึงวันที่ 15 ส.ค. 2564 ซึ่งมีการใช้ระเบิดและเผา ทรัพย์สินราชการและป้อมตำรวจ มีการใช้อาวุธ ฯลฯ
นายเสกสกล กล่าวต่อว่า การกระทำเช่นนี้ ถือว่า นายณัฐวุฒิ ไม่ประสงค์ดีต่อบ้านเมือง และ ในช่วงนี้มีปัญหาวิกฤติระบาดของประชาชน และมีการระบาดในกลุ่มม็อบด้วย ซึ่งเราก็ทราบอยู่ว่า แม้กระทั่งคนที่มาปาระเบิดจนมือขาดนั้นก็เป็นโควิดด้วย ดังนั้นเป้าหมายของตนนั้นจะมาดำเนินการในการแจ้งความดำเนินคดีและกล่าวโทษนายณัฐวุฒิ และที่สำคัญคือการตรวจสอบเงินสนับสนุนของนายณัฐวุฒิว่าเอามาจากไหน และเอามาอย่างไร สู้แล้วรวยจริงหรือไม่ เพราะคนที่ถือบัญชี นปช. คือ นายสมหวัง อัสราษี ซึ่งขณะนี้ได้ถูกกรมสรรพากร เรียกเก็บเงิน 572 ล้านบาท
การที่สู้แล้วรวย โดยเฉพาะในปัจจุบันคือนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ วันนี้ ตนมาร้องทุกข์และแจ้งความดำเนินคดีกับนายณัฐวุฒิใสยเกื้อ กรณีที่ออกมาชักชวนประชาชนให้มาก่อความวุ่นวายเดือดร้อนพร้อมกันนั้นจะร้องทุกข์ในมาตรา 116 การยุยงปลุกปั่น และการล้มล้างการปกครองในบ้านเมือง ด้วย ทั้งนี้ตนจะไปยื่นหนังสือต่อ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วย