รบ.สหรัฐทุ่ม 9 พันล้าน?? สร้างกงสุลขนาดใหญ่เชียงใหม่ เผยจุดยืนอินโด-แปซิฟิค ทำสุ่มเสี่ยงกลางความขัดแย้งจีน

5992

สหรัฐอเมริกาเทเม็ดเงินเกือบ 9 พันล้านบาท สร้างสถานกงสุลแห่งใหม่ที่เชียงใหม่ ใช้เป็นแหล่งจับตาการเคลื่อนไหวจีนตอนใต้หลังความสัมพันธ์เมียนมาร์ห่างเหิน ชี้ฉลองสัมพันธ์ 70 ปีต่อต้านยาเสพติด สร้างงานในพื้นที่ แต่ยืนยันจุดยืนสร้างพันธมิตรอินโด-แปซิฟิก ขณะภาคประชาสังคมตื่นตัวประกาศจุดยืนไม่ต้องการเป็นสถานที่สุ่มเสี่ยงกลางความขัดแย้งของสองมหาอำนาจสหรัฐ-จีน ภาครัฐต้องไม่ปล่อยให้แหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของไทยกลายเป็นสถานที่อันตรายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ประชาชนไม่ต้องการเป็นบ้านกระสุนตก

วันที่ 25 กันยายน 2563 นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำราชอาณาจักรไทยพร้อมด้วย นายฌอน โอนีลล์ กงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่ ได้ทำพิธีเปิดหน้าดินก่อสร้างสถานกุงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายสมคิด เลิศเกียรติดำรงค์ นายกเทศมนตรีตำบลหนองป่าครั่ง ร่วมเป็นสักขีพยาน ที่สถานที่ก่อสร้างสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่แห่งใหม่ ถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่

สำหรับสถานกุงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่ ถูกสร้างขึ้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์ความสัมพันธ์ต่อภาคเหนือของไทยที่มีมายาวนาน และสร้างแทนที่สถานกงสุลฯหลังเดิมที่ใช้งานมา 70 ปี โดยสถานกงสุลฯแห่งใหม่ สร้างขึ้นบนเนื้อที่ 16.5 ไร่ ริมถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง มีกำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2566 โครงการก่อสร้างดังกล่าวมีมูลค่าการลงทุน 284 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8,800 ล้านบาท

นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า วันนี้สหรัฐฯเริ่มการก่อสร้างสถานกงสุลใหญ่แห่งใหม่ในจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่ได้ก่อตั้งสถานกงสุลขึ้นครั้งแรกที่นี่เมื่อ 70 ปีที่แล้ว “ทั้งนี้สหรัฐฯ กับหน่วยงานต่างๆในประเทศไทยและจังหวัดเชียงใหม่ ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ต่อสู้กับการค้ายาเสพติด และการสร้างงานจำนวนมาก และสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่แห่งใหม่ จะสามารถสร้างงานให้กับแรงงานท้องถิ่นได้กว่า 400 คน” เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำราชอาณาจักรไทย กล่าว

เผยท่าทีจะเข้ามาทุ่มเต็มที่ทุกด้าน-ชี้จีนคือต้นตอปัญหายาเสพติด

ก่อนหน้านี้(วันที่ 30 ก.ค. 63) นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี, เอกอัครราชทูตสหรัฐ เข้าเยี่ยมคาราวะนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่และให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบว่าได้เดินทางมาที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพบปะพูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสอบถามข้อมูลและพูดคุยหารือแนวทางการทำงานในหลายๆด้าน เช่น ด้านเศรษฐกิจ ที่ทางสหรัฐอยากจะหานักลงทุนมาลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มมากขึ้น เพื่อที่จังหวัดเชียงใหม่จะได้ไม่ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจจากภาคการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว โดยการลงทุนต่างๆ ขึ้นอยู่กับมุมมองของนักลงทุนและบริษัทในสหรัฐที่จะมาลงทุน ได้มีการพูดคุยกับหน่วยงานต่างๆของประเทศไทยไปบ้างแล้ว ที่จะหาแนวทางต่างๆที่จะทำให้นักลงทุนสหรัฐเข้ามาลงทุนได้ง่ายขึ้น

ส่วนอีกปัญหาที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ คือ หมอกควันและไฟป่า ที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับผลกระทบมาอย่างยาวนาน ในส่วนนี้ได้พูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เกี่ยวกับแนวทางที่ทางสหรัฐจะสามารถเข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง

นอกจากนี้ เรื่องที่สำคัญ คือ ปัญหาด้านยาเสพติด ที่ไทยกำลังเผชิญอยู่ ทางสหรัฐเล็งเห็นความสำคัญ ด้วยแนวทางที่สหรัฐมองว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ คือ การแก้ไขปัญหาที่ต้นตอของสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดที่อยู่ในประเทศจีน นำมาผลิตที่ประเทศเมียนมาร์ ก่อนจะส่งเข้าประเทศไทยเพื่อกระจายไปพื้นที่อื่นๆ ล่าสุดได้ไปสำรวจภูมิศาสตร์บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในด้านยาเสพติด ยอมรับว่ามีความยากลำบากพอสมควรที่ไทยและประเทศโดยรอบจะสามารถจัดการปัญหานี้ได้

ในส่วนของสงครามการค้าหรือความไม่เข้าใจระหว่างสหรัฐและจีน ทูตชี้ สิ่งที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ พูดมาโดยตลอด ซึ่งทุกอย่างมองเป็นไปตามความจริง อ้างจีนกระทำต่อประเทศในแถบอาเซียน ซึ่งคล้ายพฤติกรรมที่จีนทำกับลุ่มแม่น้ำโขงในเรื่องการไหลของน้ำ ซึ่งทางสหรัฐไม่ได้บอกว่าให้ประเทศไทย เลือกข้างสหรัฐหรือเลือกข้างฝั่งใด แต่อยากให้มองเห็นถึงความจริงของพฤติกรรมของประเทศจีน 

เชียงใหม่อยู่ใต้จากจุดยุทธศาสตร์ของจีน คือมณฑลเสฉวน ที่เมืองเฉิงตู

ย่านนี้มีการตั้งฐานทัพทหารของประเทศจีน และฐานจรวดของประเทศจีนจำนวนมาก ในขณะเดียวกันเส้นทางจากเชียงใหม่ไปที่มณฑลกวางโจว ก็ไม่ไกล กล่าวคือเชียงใหม่กลายเป็นเมืองที่มีความสำคัญมากในทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ และเชียงใหม่จากนี้ไปจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว  มีความเป็นไปได้ที่จารชนสายลับทางฝ่ายจีนแผ่นดินใหญ่ และฝ่ายอเมริกา จะมาชุมนุมกันอยู่ที่เมืองเชียงใหม่แล้วคราวนี้ ทุกคนเริ่มหัดกินน้ำพริกอ่อง แคบหมู แกงฮังเล ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอย แล้วก็เริ่มทำอย่างไรก็ตามที่จะให้เข้าถึงใจคนพื้นเมืองได้ 

ช่วงต้นเดือนสหรัฐมีความเคลื่อนไหวส่งเจ้าหน้าที่ทูตไปพูดคุยในพื้นที่ เพื่อต้องการรู้ข้อมูลว่าพ่อค้าคนจีนที่ติดต่อกับประเทศจีน กงสุลจีน คุยกันเรื่องอะไรบ้าง มีความรู้สึกอย่างไรกับกงสุลจีน ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงไม่เอาผู้ช่วยทูตฝ่ายการเมืองมาประจำอยู่ที่กงสุลใหญ่ที่เชียงใหม่ เพราะว่าที่เชียงใหม่มีศูนย์ปฏิบัติการของ DEA : Drug Enforcement Administration คือศูนย์การปราบปรามยาเสพติด ซึ่งตั้งมานานแล้ว เป็นศูนย์ที่จะคอยตรวจสอบความเคลื่อนไหวของชนกลุ่มน้อยต่างๆ

เคลื่อนไหวหนักฝั่งไทยเพราะเมียนมาเริ่มห่างเหิน

สมัยหนึ่งที่พม่ายังไม่เปิดประเทศเชียงใหม่คือจุดของการส่องกล้องเข้าไปในพม่า แล้วก็มีการใช้ตัวแทน คอยติดต่อกับชนกลุ่มน้อย เพราะว่าชนกลุ่มน้อยมีอยู่บางส่วนที่นับถือศาสนาคริสต์ ก็เลยใช้ความสัมพันธ์ในการที่ถือศาสนาเดียวกันมาเป็นตัวเชื่อมเป็นจิ๊กซอว์ที่จะเข้าไปหา แต่ตอนนี้เริ่มเปิดประเทศแล้ว กลายเป็นว่าเชียงใหม่ขณะนี้ เป้าไม่ได้อยู่ที่พม่าแล้ว เป้าจึงกลายเป็นประเทศจีนทางตอนใต้ 

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นี่ถ้าตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่มีประโยชน์ เพราะมันไกล แต่ถ้าตั้งอยู่ที่เชียงใหม่น่าจะสะดวกกว่า เมื่อลงทุนสร้างใหญ่สถานที่ขนาดเกือบ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ รัฐบาลอเมริกา จะเป็นกระทรวงกลาโหมอเมริกา หรือจะเป็น CIA ต้องส่งอุปกรณ์ต่างๆ พวกนี้เข้ามาประจำอยู่ในกงสุล เพราะฉะนั้นแล้ว กงสุลใหญ่ของอเมริกาที่จังหวัดเชียงใหม่ ฟันธงได้เลยว่าจะเป็นแหล่งสืบความลับของประเทศจีนตอนใต้อย่างแน่นอนที่สุด ด้วยการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยที่สุด

 มวลชนพื้นถิ่นภาคเหนือรู้ทันขยับตัวแล้วแม้จะยังไม่มากแต่เป็นสัญญาณดี

ช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาประธานอนุรักษ์นิยมแห่งชาติภาคเหนือ ได้นำมวลชนทั้งกลุ่มชาติพันธุ์ พวกแม้ว พวกม้ง และคนพื้นราบ ประมาณ 60 คน รวมตัวที่ดอยโพธิสัตว์กวนอิม วัดห้วยปลากั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อทำกิจกรรมที่แสดงออกถึงการต่อต้านการเข้ามาฝึกทหารและการตั้งฐานทัพสหรัฐอเมริกาในประเทศไทย 

คนที่เข้ามาร่วมชุมนุม เขาถือป้ายคำว่า “SAVE THAI” “ไทยต้องเป็นกลาง” “Get out! Ameracan soldiers” “ทหารอเมริกันต้องออกไป ก่อนภัยจะมา” “อย่าใช้เมืองไทยเป็นพื้นที่ยั่วยุ” โดยมีภาพของท่าน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. รวมอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว เป็นเครือข่ายที่เกิดขึ้นทุกจังหวัดแล้วตอนนี้ เหมือนกับว่าเตรียมตั้งรับ คือพูดง่ายๆ ประชาชนในพื้นที่เขามองว่าในขณะนี้เมืองไทยกำลังจะเป็นเวทีการรบ อย่างน้อยที่สุด ในทางการจารชน spy หรือการสืบราชการลับ ระหว่างกงสุลใหญ่ที่กำลังจะสร้างอีก 300 ล้านเหรียญ แล้วยังไม่นับอุปกรณ์ที่จะต้องเข้ามาอีก ที่จะสอดส่องจีนทางตอนใต้

เชียงใหม่จะกลายเป็นศูนย์กลางการจารชนที่ยิ่งใหญ่มากทางภาคเหนือ และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อตรวจสอบประเทศจีน เพราะฉะนั้นแล้วเมืองไทยก็จะกลายเป็นเวทีของการปะทะกันของสองมหาอำนาจอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ต้องจับตาดูให้ดีว่า จะมาขอตั้งฐานยิงจรวดต่อต้านอากาศยานฝั่งจีนด้วยหรือเปล่า คาดว่าคนไทยส่วนใหญ่คงไม่ยอม!!