เปิดคดีหนัก “นักเรียน-นักศึกษา” ทิ้งอนาคตจูงกันเข้าคุก หลังถูกปั่นหัว สังเวยอำนาจการเมือง-จ้องล้มเจ้าของผู้ใหญ่?

3834

จากกรณี ล่าสุดวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 พลเอกประยุทธ์ ได้เข้าร่วมประชุมและกล่าวชี้แจงถึงกรณีปัญหาด้านการศึกษา ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน

โดยระบุว่า วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2563 บรรยากาศคณะประชาชนปลดเเอกชุนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย บริเวณ อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งเเต่เวลา 15.00 – 21.00 น.

และในช่วงท้าย พลเอกประยุทธ์ ยังยอมรับว่าเป็นห่วงกับคำว่า นักเรียนเลว หรือ ครูชุดดำ ซึ่งไม่เคยมองอย่างนั้น ไม่เคยยุแยงให้เด็กเป็นอย่างนั้น

“เราจะเรียกเขาเป็นนักเรียนเลวได้อย่างไร เขาเป็นนักเรียน เป็นอนาคตของชาติ เพราะฉะนั้นมีอยู่หลายคนในนี้ ตนไม่ขอว่าใคร อย่ามาประท้วงตน เพราะทุกคนก็รู้ดีอยู่ ก่อนหน้านี้สมัยอายุเท่าตนไม่มีหรอกเรื่องแบบนี้ เรื่องร้ายแรงแบบนี้ไม่เคยมี ทำไมจะต้องให้เขาไปมีปัญหากับกฎหมายตนไม่เข้าใจ แล้วมีคนไปแอบอยู่ข้างหลัง ไม่สงสารเด็กบ้างหรือ เมื่อถึงเวลาเขาก็มีเวลาของเขา

วันนี้เขาต้องเรียนหนังสือ ไม่เคยมีปัญหาเหล่านี้มาก่อน ตนสังเกต ในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีและฝ่ายความมั่นคง ตนสังเกตความเคลื่อนไหว การพูดจาต่างๆสอดคล้องสถานการณ์ภายนอกทั้งสิ้น นี่คืออันตราย ตนถามแล้วใครจะเอาอยู่ ไม่ว่าใครจะเป็นนายกฯ”

นั่นคือถ้อยคำของนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวอย่างเป็นห่วงเป็นใยเด็ก เยาวชนของชาติ ที่ถูกผู้ใหญ่บางคนแอบอยู่ข้างหลัง คอยยุแยงปลุกปั่น ให้ออกไปทำผิดกฎหมาย เรื่องนี้นับว่าเป็นอันตราย ซึ่งต้องช่วยกันจับตาดูกันต่อไปว่า นายกฯและรัฐบาลจะแก้ปัญหานี้ให้จบลงอย่างไร???

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้ชุมนนุมส่วนใหญ่ล้วนเป็นเยาวชนวัยนักเรียนและนักศึกษา ซึ่งหลายๆครั้ง ได้ทำการละมิดกฎหมายระหว่างการชุมนุม ทั้งเจตนาและไม่เจตนา ซึ่งอาจเป็นเหตุให้สูญเสียโอกาสอันดีอีกมากมายได้ในอนาคต ทั้งนี้ ทางสำนักข่าว The Truth ได้รวบรวมคดีของเหล่าเยาวชนไว้ ตัวอย่างเช่น

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) “แนน” (นามสมมติ) นักศึกษาชั้นปีที่ 2 วัย 19 ปี จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ก่อนพบว่าเธอถูกกล่าวหากรณีทวิตข้อความเกี่ยวกับรัชกาลที่ 9 ในทวิตเตอร์

15 ก.พ. 64 เวลา 10.00 น. ที่สภ.ห้างฉัตร จังหวัดลำปาง นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง 2 ราย ได้แก่ ลัลนา สุริโย นักศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ และ “เบนซ์” (นามสมมติ) นักศึกษาจากวิทยาลัยสหวิทยาการ พร้อมทนายความ ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หลังจากถูกออกหมายเรียกเพิ่มเติม ในคดีการปลดภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ระหว่างการชุมนุมบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2563 โดยถูกแจ้งข้อหา ม.360 เพียงข้อหาเดียวก่อน และจะถูกเรียกไปแจ้งข้อหา ม.112 เพิ่ม

วันที่ 15 ก.พ. 64 ที่สภ.เมืองลำปาง เวลา 13.30 น. นายพินิจ ทองคำ นักศึกษาวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง และสมาชิกกลุ่มพิราบขาวเพื่อมวลชน ยังได้เดินทางเข้ารับทราบข้อหา ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เพิ่มเติม เหตุจากกรณีแขวนป้ายผ้าที่มีข้อความ “งบสถาบันกษัตริย์>วัคซีนCOVID19” บริเวณสะพานรัษฎาภิเศก เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2563 หลังจากถูกแจ้งข้อหามาตรา 112 ไปก่อนหน้านี้แล้ว

วันนี้ (15 ก.พ. 64) ที่สน.พหลโยธิน คริษฐ์ (สงวนนามสกุล) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 อายุ 18 ปี สมาชิกกลุ่ม “คะน้าราดซอส”​ เข้ารับทราบ 8 ข้อหา รวมข้อหามาตรา 112 “ หมิ่นประมาทกษัตริย์” และ มาตรา 116 “ยุยงปลุกปั่น” ตามประมวลกฎหมายอาญา หลังถูกกล่าวหาว่าขึ้นปราศรัยในเวทีย่อยของการชุมนุม #ม็อบ2ธันวา หรือการชุมนุม #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 63

เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัวมีความเห็นสั่งฟ้อง “มิน”ลภน พัฒน์, “พลอย” เบญจมาภรณ์ กลุ่มนักเรียนเลว และ “ภูมิ”คณพศ กลุ่มนักเรียนไท ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตามมาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีการเข้าร่วมการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2563 และส่งสำนวนฟ้องไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง

Image result for แกนนำนักเรียนเลว

จากกรณีทั้งหมดนี้ ทำให้อดเป็นห่วงอนาคตของชาติไม่ได้ เพราะหากเยาวชนเหล่านี้ ยังถูกหลอกใช้ ล้างสมอง เพื่อเป็นหมากในเกมการเมือง จนต้องสละตัวไปต้องคดีกันคนละหลายข้อหา ชีวิตของพวกเขาที่หวังจะได้ดีขึ้นเหมือนที่ถูกขายฝันมานั้น เห็นทีจะมีแต่คุกตะรางเป็นปลายทางอย่างน่าสงสาร