หลังจากที่ในช่วงเดือนมิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่มีชื่อเป็นกรรมมาธิการในสัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งต่อมาได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงกระแสการย้ายข้างของนายเรืองไกร แต่เจ้าตัวเลือกที่จะไม่พูดถึงประเด็นนี้ พร้อมบอกว่าจะเดินหน้าตรวจสอบทั้งรัฐบาล-ฝ่ายค้าน เหมือนเดิมนั้น
ล่าสุดนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ตนได้ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แล้วพบหลายประเด็นที่น่าสงสัย อันเป็นเหตุต้องร้องขอให้ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อไป เช่น นายพิธา แจ้งว่ามีคู่สมรส และคู่สมรสเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง แต่นายพิธากลับไม่แสดงรายได้ รายจ่าย หรือหุ้น ของคู่สมรสต่อ ป.ป.ช. นายพิธาได้นำอาคารของน้องชายมูลค่า 15,000,000 บาท มาแสดงในบัญชีทรัพย์สินของตนเอง ซึ่งในทางบัญชีควรตรวจสอบว่า ทรัพย์สินรวมที่แจ้งสูงเกินจริง หรือไม่
นอกจากนี้นายพิธาแจ้งที่ดินรายการหนึ่งว่า เป็นที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งแปลกมาก เพราะนายพิธาไม่น่าจะมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวได้ แม้จะไม่ได้แจ้ง เลขที่ เนื้อที่ และมูลค่าไว้ก็ตาม แต่การแสดงรายการที่ดินเช่นนี้ อาจเข้าข่ายแจ้งข้อความโดยไม่ตรงความจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตามนายพิธาไม่ได้แจ้งมูลค่าที่ดินและบ้านของคู่สมรสไว้แต่อย่างใด ทั้งนี้ เห็นได้จากมีการแจ้งรายการอาคารของคู่สมรสไว้ด้วยแต่ไม่แสดงมูลค่า ทำให้วิเคราะห์ได้ว่า คู่สมรสมีอาคารดังกล่าว ซึ่งควรตั้งอยู่บนที่ดิน แต่กลับไม่มีการแจ้งมูลค่าอาคารและที่ดินไว้ ทำให้มีประเด็นที่ควรตรวจสอบทางบัญชีตามมาว่า บัญชีทรัพย์สินรวมของคู่สมรส แสดงไว้ต่ำกว่าความเป็นจริง หรือไม่
หลักฐานทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนมาจากการตรวจสอบรายการในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินที่นายพิธายื่นต่อป.ป.ช. เมื่อคราวรับตำแหน่งส.ส. รวมทั้งข่าวในสื่อต่าง ๆ ดังนั้น จึงมีเหตุที่ต้องร้องขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบว่าบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินของนายพิธากับคู่สมรส ได้ยื่นต่อ ป.ป.ช.ไว้นั้น เข้าข่ายตามความใน พ.ร.ป.ป.ป.ช. มาตรา 114 หรือไม่ อนึ่งตนยังได้รับข้อมูลที่ขอไว้ในชั้น กมธ.งบประมาณปี 65 ว่ามี ส.ส.และ ส.ว. ยังถือครองที่ดิน ส.ป.ก.อยู่ รวม 5 ราย จึงส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อไปด้วย ทั้งนี้ ตนจะส่งคำร้องกรณีนายพิธา รวมทั้งกรณี ส.ส.และ ส.ว. 5 ราย เป็นหนังสือไปถึง ป.ป.ช. เช้าวันที่ 9 ส.ค.นี้ ทางไปรษณีย์