สามกีบ-สื่ออ้างตัวฝ่ายปชต.หงายเงิบ!! สหรัฐสอนวิธีนับวัคซีน ป้องรบ.ไทยไม่ได้ทำหาย

2052

จากที่กลายเป็นประเด็นร้อนแรงถูกลากโยงมาเป็นเรื่องการเมืองเมื่อสื่อยักษ์ของไทยและบรรดาสาวก แนวร่วมม็อบ 3 นิ้ว ได้ตั้งข้อสังเกตถึงจำนวนวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐมอบให้ไทย โดยอ้างอย่างบิดเบือนว่าอาจมีการหล่นหายระหว่างทาง หรือยักยอกไปนั้น???

ล่าสุดวันนี้  4 สิงหาคม 2564 เฟซบุ๊ก U.S. Embassy Bangkok ซึ่งเป็นเพจของสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยได้ออกมาโพสต์กราฟฟิกแบนเนอร์ชี้แจง พร้อมเนื้อหาสั้นๆว่า

“ปุจฉา! วัคซีนไฟเซอร์กี่โดสเป็น 1 ขวด แล้วกี่ขวดเป็น 1 ถาด  มาหาคำตอบเกี่ยวกับจำนวนวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สหรัฐฯ บริจาคให้กับไทยได้จากกราฟิกใหม่ที่เข้าใจง่ายของเรา”

สำหรับอินโฟกราฟฟิกดังกล่าว เริ่มตั้งแต่คลายสงสัยตัวเลข 1,503,450 มาจากไหน โดยระบุว่า สหรัฐส่งวัคซีนล็อตแรก = 257 กล่อง, 1 กล่อง = 5 ถาด, 1 ถาด = 195 ขวด, 1 ขวด = 6 โดส, 257 กล่อง x 5 ถาด x 195 ขวด x 6 โดส เท่ากับ 1,503,450 โดส

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม เฟซบุ๊ก U.S. Embassy Bangkok  ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความ พร้อมภาพถึงการมอบวัคซีนให้ประเทศอย่างเป็นทางการว่า

“วันนี้อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ไมเคิล ฮีธ ร่วมยินดีกับนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา และรองนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ณ ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสที่วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ จำนวน 1,503,450 โดสมาถึงประเทศไทย เรายินดีที่ได้ทราบว่า รัฐบาลไทยจะจัดสรรวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งกลุ่มเสี่ยงก่อน และเห็นพ้องว่าทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะสัญชาติใด ควรจะสามารถเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพได้ เมื่อร่วมมือกัน เราจะช่วยชีวิตผู้คนมากมาย

เราภูมิใจที่ได้บริจาควัคซีนจำนวน 1.5 ล้านโดสเหล่านี้เหมือนเช่นที่ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ ในวันที่ 28 กรกฎาคม รัฐบาลสหรัฐฯ ยังให้คำมั่นว่าจะบริจาควัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอีก 1 ล้านโดสให้กับประเทศไทย”

ขณะที่น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ “แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล” กรณีการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ให้บุคลากรด่านหน้าว่า จากกรณีโซเชียลมีเดียเผยแพร่ถามหาวัคซีนไฟเซอร์ว่าหายไปไหนนั้น

“ข้อเท็จจริงเราได้รับการสนับสนุนวัคซีนจากสหรัฐอเมริกา จำนวน 1,503,450 โดส ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขจริง และวัคซีนไม่ได้หายไปไหน ซึ่งสามารถตรวจสอบกับทางสถานทูตสหรัฐอเมริกาได้ ทั้งนี้เมื่อได้วัคซีนมาก็ได้จัดสรรให้กับกลุ่มบุคคลต่างๆ โดยหลักจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 โรคเสี่ยง และสตรีมีครรภ์ที่มีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์”