ดีๆไม่ : เลวๆทำ !? สามกีบผุดเฟคนิวส์อีก แอบสร้างราชกิจจาฯปลอม ปั่นมั่วใช้กฎอัยการศึกกทม. พบผิดพรก.ฉุกเฉินโทษถึงคุก!

2159

ดีๆไม่ : เลวๆทำ !? สามกีบผุดเฟคนิวส์อีก แอบสร้างราชกิจจาฯปลอม ปั่นมั่วใช้กฎอัยการศึกกทม. พบผิดพรก.ฉุกเฉินโทษถึงคุก!

จากกรณีที่ เมื่อวานนี้ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) ได้โพสต์ข้อความระบุว่า

อำนาจรัฐนั้นก็อยู่ที่ปลายกระบอกปืน รัฐประหารโควิดจำเป็นครับ ไม่มีปืนคุมอะไรไม่ได้หรอกครับ สำหรับประเทศไทย ในวิกฤติมหาโรคระบาดเช่นนี้ หากปราศจากความเด็ดขาดในการควบคุม สุดท้ายจะตายกันเกลื่อน โรงพยาบาลระบบล่ม คนจะนอนตายตามบ้านมากมาย ไม่มีกฎอัยการศึก คนไทยไม่กลัว เรื่อง social media ก็ต้องทำให้สงบด้วยกฎอัยการศึก ภาวะนี้ผมยืนยันว่าการประกาศกฎอัยการศึกจำเป็น เรากำลังอยู่ในมหาสงครามโรคระบาด พ.ร.บ กฎอัยการศึก ใช้ในภาวะสงคราม มีภัยอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ในเวลานี้จำเป็นและเหมาะสมที่สุดแล้ว ทหารต้องออกมารักษาระเบียบวินัย ชาติจะรอดต้องรอดด้วยวินัยเท่านั้นครับเวลานี้ วินัยคือวัคซีนที่ดีที่สุดครับ

ล่าสุดวันนี้ (19 กรกฎาคม 2564) ทางโลกออนไลน์ ได้มีการแชร์เอกสารซึ่งระบุว่า เป็นประกาศศูนย์อำนวยการและประสานงานการเฝ้าระวังและการป้องกัน การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๘ (โควิด-๑๙) ในส่วนของกองทัพบก (ศบค.๑๙ ทบ.) เรื่อง แจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้าก่อนการประกาศใช้กฎอัยการศึกในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ซึ่งทางทีมข่าวเดอะทรูธ ได้ทำการตรวจสอบพบว่า เอกสารดังกล่าวนั้น เป็นของปลอม ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีกลุ่มคนที่ปลอมแปลงประกาศของราชกิจจานุเบกษาขึ้น เพื่อปั่นกระแส ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก

โดยในเอกสารระบุว่า บัดนี้ ราชอาณาจักรไทยตกอยู่ในภาวะวิกฤตขั้นสูงสุด เนื่องด้วยนับแต่ที่โรคติดเชื้อโควิด-๑๙ ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก รวมถึงราชอาณาจักรไทยด้วยนั้น ราษฎรชาวไทยได้ล้มตายจากโรคร้ายนี้แล้วเป็นจำนวนมากกว่าสามพันราย กอปรกับสภาวะเศรษฐกิจของชาติได้ตกต่ำลงถึงขั้นขีดสุด ผลกระทบเหล่านี้นับว่าเป็นโศกนาฎกรรมที่ร้ายแรงที่สุด เป็นอันดับที่สองในประวัติศาสตร์ไทย รองลงมาจากสงครามมหาเอเชียบูรพาเมื่อเจ็ดสิบหกปีก่อน …….

นอกจากนี้ทีมข่าวเดอะทรูธ ได้พบว่า ในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 27 ได้มีกำหนดโทษในประกาศ “ข้อ 11” ที่ระบุว่า “มาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร อันทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน การเสนอข่าวหรือการทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิด ในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั่วราชอาณาจักรนั้น เป็นความผิดตามมาตรา 9 (3) แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548”

โดยการฝ่าฝืนข้อ 11 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท ซึ่งเป็นโทษที่กำหนดไว้ในมาตรา 18 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ การฝ่าฝืนข้อกำหนดไม่ว่าเรื่องใดๆ เช่น การออกนอกเคหสถานเกินเวลาที่กำหนด การรวมกลุ่มเกินห้าคนโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็มีอัตราโทษเช่นเดียวกันหมด