คนไทยสุดทน!!! ศปปส.แถลงการณ์จี้ ผบ.ตร. ล่าผู้ร่วมก่อเหตุเผาหน้าเรือนจำ-ทวงถามยื่นถอนประกันแกนนำม็อบ ซัดปล่อยเงียบ คดีอืด!
จากกรณีที่วันนี้ (22 มิถุนายน 2564) กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. นำโดย นายจักรพงศ์ กลิ่นแก้ว และแนวร่วมกว่า 10 คน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้เร่งรัดติดตามผู้กระทำความผิดที่ร่วมกับนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ วางเพลิงเผาทรัพย์หน้าเรือนจำ หลังก่อนหน้านี้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 ยื่นฟ้องนายไชยอมร ในฐานความผิด “ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์” ซึ่งเป็นที่เข้าใจโดยทั่วไปว่าผู้กระทำผิดต้องมีมากกว่า 1 คน
ล่าสุดทางด้าน ศปปส. ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า เนื่องด้วยที่ ศปปส.ได้ออกแถลงการณ์และก็สถานการณ์ covid ระบาดในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นเขตกรุงเทพฯหรือเขตปริมณฑลหรือต่างจังหวัดก็ดี ก็ควรที่จะช่วยกันรักษาควบคุมพื้นที่ของตนเองและก็ช่วยกันเข้มงวดในทุกสถานที่ โดยแกนนำศปปส. เป็นตัวแทนของประชาชนทุกๆท่านที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
วันนี้ทางศปปส.ได้ออกคำแถลงการณ์มา 1 ฉบับ เพื่อตั้งคำถามและหาคำตอบในสิ่งที่เราได้ไปยื่นหนังสือหรือได้ออกข้อสงสัยคลางแคลงใจไปกับหลายๆท่าน ตามที่ทางศปปส.ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงพลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2554 และวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมาโดยมีเนื้อหาใจความดังนี้
เนื่องจากยังมีผู้ร่วมกระทำผิดเผาพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่หน้าเรือนจำคลองเปรม กับนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอททอมบลู ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่ยังไม่ได้ถูกติดตามตัวมาดำเนินคดี ทั้งนี้ ทางพลตำรวจตรี ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษกผบช.น. ได้ออกมาแถลงการณ์ถึงกรณีนี้เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมาใจความว่า ผู้ร่วมก่อเหตุออกนอกประเทศไปแล้ว โดยใช้เส้นทางธรรมชาติและนับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ล่วงเลยมาแล้วประมาณ 20 กว่าวัน ยังไม่เห็นถึงความกระตือรือร้นและความชัดเจนในการติดตามตัวผู้ต้องหาผู้ร่วมดำเนินคดีมาดำเนินคดีเลย
ตามที่พลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น.ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมามีใจความว่า ขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้วทั้งสิ้น 70 รายที่จะต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รีบดำเนินการตามที่ได้แถลงการณ์แล้ว จากการติดตามสถานการณ์โดยตลอดของศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน สังเกตได้ว่า ผู้ต้องหามาตรา 112 ที่ได้รับการประกันตัวแบบมีเงื่อนไข ก็ยังออกมานำม็อบเป็นแกนนำไปก่อความวุ่นวายให้กับบ้านเมืองและประชาชนมาโดยตลอด ซึ่งไม่สอดคล้องกับถ้อยแถลงของโฆษกบชน.เลยที่ออกมาแถลงว่า รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นต่อศาลให้ถอนประกันตัวผู้ต้องหามาตรา 12 ที่ผิดเงื่อนไขตัวประกันตัวแล้ว
ในขณะที่ประเทศไทยกำลังประสบกับโรคระบาด covid-19 อย่างหนักโดยเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑลและภายใต้กฎหมายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ทางพลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ก็ยังปล่อยให้กลุ่มเรียกร้องทางการเมืองกลุ่มต่างๆจัดชุมนุมได้โดยมาตลอด ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 ซึ่งนำโดยบก. ลายจุด นายเพนกวินและรวมไปถึงผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวแบบมีเงื่อนไขโดยที่ไม่ห่วงใยในสวัสดิภาพสุขภาพกาย สุขภาพจิตของประชาชน ส่วนใหญ่ที่กำลังเผชิญอยู่กับโรคระบาด covid-19 อยู่ ณ ขณะนี้
ซึ่งศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบันและประชาชนอีกจำนวนมากที่ตั้งคำถามและคลางแคลงใจ ไปถึงเฝ้าจับตามองในการปฏิบัติหน้าที่ของท่าน ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจนครบาลว่า ท่านจะดำเนินคดีกับแกนนำม็อบดังกล่าวหรือไม่ และเมื่อไหร่และจะดำเนินคดีอย่างไร และยังมีใครอีกไหมที่จะต้องโดนดำเนินคดีในการก่อม็อบ ก่อความวุ่นวายในสังคมครั้งนี้ รวมทั้ง การตั้งข้อสังเกตว่าท่านได้ทำหน้าที่ของท่านสุดความสามารถแล้วหรือไม่ และเมื่อไหร่ท่านถึงจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด หรือว่าท่านกำลังเกรงใจใครอยู่หรือไม่ เราอยากได้คำตอบจากท่านโดยเร็วที่สุด สุดท้ายได้ติดตามสถานการณ์ covid-19 ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่กับโรคระบาด covid-19 อย่างหนักถึงขั้นวิกฤต ทางศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบันมีความห่วงใยในสวัสดิภาพ สุขภาพกาย สุขภาพใจ ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกๆท่าน จึงขอโอกาสนี้มอบความห่วงใยผ่านแถลงการณ์ฉบับนี้เราต้องผ่านพ้นวิกฤตอันเลวร้ายนี้ไปด้วยกันประเทศไทยเราต้องชนะจับมือสู้ไปด้วยกัน