ย้อนแย้งสิ้นดี! แรมโบ้ ฟาดหน้า “โฆษกพท.” ขวางเปิดปท. ตอกความคิดส่วนตัวหรือมติพรรค? พบวันก่อนยังเร่งรบ.ให้เปิดประเทศ!
จากกรณีที่นางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่พลเอกประยุทธ์ ออกแถลงการณ์เตรียมเปิดประเทศในอีก 120 วันหรืออีก 4 เดือนข้างหน้า ถือเป็นการวางเดิมพันชีวิตประชาชนบนความเสี่ยงท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมได้ ผู้ติดเชื้อรายวันยังอยู่ในหลัก 2,000-3,000 คน ขณะที่ผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 20-30 คนต่อวัน คนไทยยังได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มไม่ถึง 10% ซึ่งต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ สิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่อาจเชื่อได้ว่าจะสามารถเปิดประเทศหรือจัดหาวัคซีนได้ 105.5 ล้านโดส
พลเอกประยุทธ์รู้หรือไม่ว่า ขณะนี้เชื้อโควิด-19 ได้กลายพันธุ์ไปหลายสายพันธุ์ มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อแล้วกลับมาติดเชื้อซ้ำ จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ ในฐานะ ผอ.ศบค. ใช้เวลาคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และประเมินสถานการณ์ให้รอบคอบมากกว่านี้ ไม่ควรออกมาประกาศเสมือนเป็นการให้คำมั่นสัญญากับประชาชนและนักลงทุนต่างชาติ เพราะหากทำไม่ได้ ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลที่ไม่มีอยู่แล้วก็จะติดลบซ้ำแล้วซ้ำอีก
ก่อนจะประกาศเปิดประเทศ พลเอกประยุทธ์ควรดูกรณีศึกษาในต่างประเทศให้รอบด้าน แล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะสม โดยยืนยันว่าประชาชนจะต้องได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในสัดส่วน 70% ของจำนวนประชากร เมื่อมีภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว จึงค่อยเปิดประเทศ ยกเว้นบางจังหวัดท่องเที่ยวที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในระดับพื้นที่ได้ พลเอกประยุทธ์รู้ทั้งรู้ว่าการประกาศเปิดประเทศมีความเสี่ยง บอกให้ประชาชนยอมรับความเสี่ยงร่วมกัน ท่านวางเดิมพันชีวิตประชาชนในความเสี่ยงได้อย่างไร ที่ผ่านมาประชาชนเสียหายไปแล้วเท่าไหร่ จะต้องให้เสียอีกเท่าไหร่ท่านจึงจะพอใจ
ซึ่งต่อมาได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์อีกว่า #120วันเปิดประเทศ ประมาณกันดูการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ 70% ต้องเกิดให้ได้ก่อน เพื่อให้เกิดความเสี่ยงต่ำสุดต่อประชาชนเมื่อเปิดประเทศ นับจากวันนี้คนไทยต้องได้รับทราบข้อมูลการนำเข้าวัคซีน อย่างเปิดเผย ไม่สับสน และศักยภาพการฉีด 350,000 คน/วัน 120 วันที่เปิดประเทศถึงจะเป็นจริง
ย้อนไปวันที่ 17 มีนาคม 2564 นางสาวอรุณี ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย ได้แนะให้รัฐบาลเร่งเปิดประเทศ โดยกล่าวว่า การตรวจพบการระบาดระลอกใหม่ที่ตลาดบางแค อาจทำให้ไทยไม่สามารถเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและได้รับวัคซีน จะมี “ภูมิคุ้มกันหมู่” ในช่วงไตรมาสที่สอง หรือตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะทยอยมองหาจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยว ในขณะที่ไทยยังไม่มีความพร้อมในการเตรียมตัวเป็นประเทศที่ปลอดภัยแต่อย่างใด และได้กล่าวว่า “การทยอยฉีดวัคซีนควรดำเนินการคู่ขนานไปกับการเตรียมพร้อมเปิดประเทศ สร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ถ้าทำได้เร็วเศรษฐกิจก็ฟื้นตัวเร็ว อย่าทอดทิ้งแรงงานไทย ตอนนี้พวกเขากลัวอดตายมากกว่ากลัวติดโควิดแล้ว”
ล่าสุดทางด้าน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงนางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย วิพากษ์วิจารณ์นายกฯเตรียมเปิดประเทศใน 120 วัน โดยถามถึงความเสี่ยง และความพร้อมของการฉีดวัคซีนครบหรือยังนั้น นายเสกสกลได้ระบุว่านายกฯได้รับทราบสถานการณ์ประเทศเป็นอย่างดีว่าขณะนี้เป็นอย่างไร เพราะนายกฯได้ทำงานแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิดมาโดยตลอด มีการพิจารณาทั้งปัจจัยภายในและภายนอกควบคู่กันไป รวมทั้งพยายามรักษาสมดุลระหว่างสุขภาพและปากท้องของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม
และที่นายกฯ ได้ออกแถลงการณ์เตรียมเปิดประเทศในอีก 120 วันนั้น เริ่มจากจังหวัดภูเก็ต ก็ทราบดีว่ารัฐบาลเตรียมที่จะทำอะไรอยู่ ซึ่งแม้จะยอมรับว่ามีความเสี่ยงอยู่บ้างจากการระบาดของเชื้อโควิด แต่นายกฯก็อยากให้เศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวขึ้น เพราะทุกอย่างต้องมีแผน ต้องเตรียมการล่วงหน้า ต้องมีเป้าหมายร่วมกันของทุกภาคส่วน ไม่ใช่อยู่อย่างหวาดผวาจนเกินเหตุ จนละทิ้งความกล้าเผชิญหน้าอย่างมีเหตุผล และมีความรู้เท่าทันสถานการณ์
ย้ำว่าการประกาศเปิดประเทศของนายกฯนั้น ตนเองก็มั่นใจว่านายกฯ ไม่ได้คิดเอง แต่อยู่ในฐานะผู้นำที่จะต้องตัดสินใจนำพาประเทศไปสู่สิ่งที่ดีกว่า หรือดีที่สุด บนพื้นฐานของการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน จากคณะที่ปรึกษาต่างๆ โดยเชื่อมั่นว่าจากนี้ไปจนถึง 120 วัน นายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันหารือเพื่อหามาตรการให้รัดกุมมากที่สุดก่อนที่จะเปิดประเทศ โดยจะมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นรายวัน
ขณะเดียวกันตนเองเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่น่าจะได้ฉีดวัคซีนครบแล้ว เช่นเดียวกันกับคนไทยที่ ศบค. ยืนยันแล้วว่าภายในเดือนตุลาคมนี้คนไทยจะต้องได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 50 ล้านคน ซึ่งถือเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้ เพราะแผนการจัดหาก็บรรลุตามเป้า 100 ล้านโด๊สแล้ว
นอกจากนี้ที่นายกฯอยากให้เปิดประเทศ เพราะจะต้องคิดถึงความอยู่รอดในการทำมาหากินของพี่น้องประชาชนด้วย และเพื่อฟื้นฟูประเทศ ให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ แต่หากโฆษกพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่คนในพรรคเพื่อไทย หากไม่อยากจะช่วยเหลือประชาชน และประเทศชาติ ตนเองก็ขอย้ำอีกครั้งว่า มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ ขัดขวางไปทุกเรื่อง ซึ่งแม้ว่านายกฯและรัฐบาล จะทำดีแค่ไหน และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และประเทศชาติ พรรคเพื่อไทยก็จะออกมาตำหนิ ขัดขวาง และจะสนใจเฉพาะผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง อาศัยจังหวะที่ประเทศเกิดวิกฤตเรียกร้องให้นายกฯลาออก เพราะยังมีความหวังว่าจะเข้าไปเป็นรัฐบาล ซึ่งตนเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนของพรรคเพื่อไทยถึงไม่อยากให้ประเทศพ้นวิกฤตตรงนี้ให้ได้ก่อน
“โฆษกพรรคเพื่อไทย นางสาวอรุณี หน้าตาดูสวยดี แต่ความคิดกลับดูไม่สวยงามเหมือนหน้าตาเอาเสียเลย ไม่ลองหัดไปฟังกระแสตอบรับจากประชาชนดูบ้างว่า สิ่งที่นายกฯต้องการเปิดประเทศเพื่อเศรษฐกิจฟื้นกลับคืนสู่ภาวะปกติ เป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้ประเทศไทยรอดพ้น แต่โฆษกกลับไม่เห็นด้วย น่าเสียดายความคิดที่ดูไม่สวยงามเอาเสียเลย ตนขอถามกลับสักคำ ความคิดสั้นๆแคบๆเพียงแค่นี้ เป็นความคิดส่วนตัว หรือเป็นมติพรรคเพื่อไทย ตนจะได้ป่าวประกาศให้คนไทยได้รับรู้ว่า พรรคเพื่อไทยไม่เอาด้วย เพราะไม่อยากให้ประชาชนกลับมามีชีวิตที่ดีขึ้น พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการให้เศรษฐกิจดีขึ้น และพรรคเพื่อไทยไม่ต้องการให้คนไทยพ้นภัยจากโควิดร้าย ต้องการให้ประชาชนสาปแช่งพรรคเพื่อไทยใช่ไหม จึงกล้าออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยกับนโยบายเปิดประเทศภายใน 120 วันในครั้งนี้ น่าอับอายขายหน้าแทนผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยที่สุด