เปรียบเทียบชัดๆ!?! สิทธิ์ที่จะได้รับจากคนละครึ่งเฟส 3 กับ ยิ่งใช้ยิ่งได้ เลือกแบบไหนเหมาะกับใคร คุ้มกว่ากัน!

1611

โครงการของรัฐบาลถูกออกแบบมาด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ทั้งเพื่อการบรรเทาภาระค่าครองชีพ และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้กลุ่มเป้าหมาย และวิธีการสนับสนุนมีความแตกต่างกันไปตามความเหมาะสม

มาเปรียบเทียบกันให้เห็นชัดๆว่าระหว่างโครงการ “คนละครึ่งเฟส 3” และ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” มาตรการไหนเหมาะกับใคร แล้วเลือกอันไหนจึงคุ้มกว่ากัน

1.ด้านลักษณะโครงการ

โครงการคนละครึ่ง เป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อย เป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในองค์รวม โดยเริ่มลงทะเบียนเฟส 3 ตั้งแต่ วันที่ 14 มิ.ย. 64 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าจะเต็ม 31 ล้านสิทธิ์ตามเป้าหมาย สามารถใช้สิทธิได้ระหว่าง 1 ก.ค. 64 – 31 ธ.ค. 64

2.ได้รับอะไรบ้าง?

รัฐจะช่วยจ่าย 50% ผู้ได้รับสิทธิจ่ายเอง 50% โดยใช้สิทธิผ่านแอปฯ เป๋าตัง จำกัดสิทธิไม่เกิน 150 บาท/วัน โอนเงิน 2 รอบ รอบแรกวันที่ 1 ก.ค.2564 จำนวน 1,500 บาท  รอบสองวันที่ 1 ต.ค.2564จำนวน 1,500 บาทรวมคนละ 3,000 บาท

3.เหมาะกับใคร?

– เหมาะสำหรับคนที่เน้นซื้อของเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน

โดยที่ยอดรวมการใช้สิทธิ “คนละครึ่ง” ไม่เกิน 3,000 บาท ตลอดโครงการ ไม่หักสิทธิ หากใช้ไม่หมดในแต่ละวัน โดยระบบจะคืนสิทธิที่ไม่ได้ใช้เข้ายอดรวมของผู้ได้รับสิทธิ และจะคำนวณสิทธิใหม่ในเวลา 6.00 น. ของทุกวัน ใช้สิทธิได้ที่ร้านค้าที่ร่วมโครงการฯ เท่านั้น ใช้ได้เวลา 06.00 – 23.00 น. ไม่สามารถใช้สิทธิ คนละครึ่ง นอกเวลาดังกล่าวได้

สำหรับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เพื่อกระตุ้นการบริโภค ผู้มีกำลังซื้อ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)” เป้าหมายไม่เกิน 4 ล้านคน เริ่มลงทะเบียนวันที่ 21 มิ.ย.2564 ตังแต่เวลา 06.00 น.เป็นต้นไป ระยะเวลาโครงการ 1 ก.ค. 2564 – 31 ธ.ค. 2564 

ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการจะต้องมีการเติมเงินของตนเองเข้า g-wallet ก่อน เพื่อไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการซึ่งจะต้องเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงจะได้รับวงเงินสนับสนุนในรูปของบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher)

รัฐสนับสนุน e-Voucher ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่าสินค้า ค่าบริการ สปา/นวด/ทำผม ทำเล็บ *ไม่รวมลอตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และบัตรกำนัล (gift voucher) บัตรเงินสด (gift card) หรือสินค้าบริการอื่นๆ ที่เป็นการชำระล่วงหน้า ชำระเงินผ่าน G-Wallet บนแอปฯ “เป๋าตัง” กับผู้ประกอบการ จดทะเบียน VAT ที่เข้าร่วมโครงการ

– ให้สิทธิ e-Voucher สูงสุด 7,000 บาทต่อคน โดยใช้จ่ายสูงสุด 60,000 บาทต่อคน (ยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher ไม่เกิน 5,000 บาท/คน/วัน)

– ได้รับ e-Voucher ในรูปแบบของสิทธิเข้า G-Wallet โดยแบ่งการใช้จ่ายดังนี้

จำนวนเงิน 1-40,000 บาท ได้คืน 10% สูงสุด 4,000 บาท

จำนวนเงิน 40,001-60,000 บาท ได้คืน 15% สูงสุด 3,000 บาท

– ได้รับ e-Voucher ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไป และสามารถใช้สิทธิได้ถึง 31 ธ.ค. 2564

– โครงการนี้เหมาะสำหรับคนที่เน้นซื้อของที่มีมูลค่าสูง

ประชาชนตัดสินใจเลือกตามความสม้ครใจ และย้ำว่าเลือกเข้าร่วมได้เพียง 1 โครงการเท่านั้น!