หลังจากที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความของนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ผู้ต้องหาคดีทำให้น้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ หลานสาวของตัวเองถึงแก่ความตาย ได้เปิดเผยว่า จะนำตัวลุงพล เดินทางเข้ามอบตัว กับพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กทม.
ขณะที่มีรายงาน ลุงพลและทนายได้เตรียมหลักทรัพย์โฉนดที่ดินไว้เพื่อยื่นประกันตัวแล้วนั้น และมีรายงานว่าช่วงเช้าที่ผ่านมาตำรวจชุดสืบสวนของ ผบ.ตร. นำกำลังพร้อมหมายค้นและหมายจับไปที่บ้านของลุงพล ที่บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร แต่ไม่พบลุงพล หรือ ป้าแต๋น ภรรยาแต่อย่างใด
มีรายงานว่า ลุงพลหายตัวไปจากบ้านพักตั้งแต่เย็นวันที่ 1 มิ.ย.64 หลังถูกศาลออกหมายจับ โดยเดินทางมากทม.เพื่อปรึกษาทนายความเตรียมสู้คดี
ล่าสุดทางด้านายกนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้ประกาศข่าวชื่อดังช่อง Top News ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ถึงเรื่องนี้ ระบุว่า “วันนี้ข่าวลุงพลใหญ่สุด จาก 14 พ.ค.63 พบศพ 1 ปี 21 วันเป็นข่าวที่สอนให้สังคมรู้จักตัวตนของสื่อ ที่ไปปั้นผู้ต้องสงสัยเป็นไอดอล เกินหน้าที่สื่อไปมาก”
โดยมีชาวโซเชียลเห็นด้วยกับโพสต์นี้จำนวนมาก และวิพากษ์วิจารณ์เพิ่มเติมด้วยว่า จริงค่ะ สื่อบางสื่อ มีแค่2สื่อที่นำเสนอ ตลอดมาตั้งแต่มีคดีนี้ เดี๋ยวนี้สื่อบางสื่อหิวกระหายเกินคำบรรยายจริง ๆ , เป็นความทุเรศของสื่อบางสำนักจริง ๆ รอดูว่าจะมีการขอโทษหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา โหมข่าวเสนอ จนผู้ต้องสงสัยดัง มีงาน มีเงิน คนช่วยเหลือเยอะ
อย่างไรก็ตามในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา การนำเสนอข่าวลุงพล จะมี 2 สำนักข่าวหลัก ๆ อย่างอมรินทร์ทีวี ที่จะปรากฎภาพของ นักข่าวดัง “ไอซ์ สารวัตร” ลงพื้นที่บ่อย ๆ และมีช่องไทบรัฐทีวี ที่นำเสนอเรื่องราวเป็นซีรีย์เลยก็ว่าได้ ซึ่งประชาชนต่างจับตารอดูการขอโทษของ 2 สำนักข่าวนี้ อีกทั้งในช่วงหลัง มีการตั้งคำถามเรื่องอมรินทร์ทีวี พาดหัวข่าวบิดเบือนบ่อยครั้ง รวมทั้งยังมีสื่อจากยูทูปเบอร์ต่าง ๆ ที่ปักหลักเกาะติดชีวิตลุงพลอย่างต่อเนื่อง จนเจ้าตัวถูกออกหมายจับ และไม่ว่าคดีนี้จะสิ้นสุดอย่างไร แต่สิ่งที่สังคมกำลังวิจารณ์คือเรื่องการทำงานของสื่อ ที่ปั้นผู้ต้องสงสัย ให้กลายมาเป็นคนดัง