สาวก้าวไกล แซะ “รมว.DES” ไล่ฟ้องคนปล่อยเฟคนิวส์เอาใจนาย! แต่ตัวเองเป็นส.ส.ตระเวนใช้ตำแหน่งประกันพวกหมิ่นสถาบัน!!

1843

สาวก้าวไกล แซะ “รมว.DES” ไล่ฟ้องคนปล่อยเฟคนิวส์เอาใจนาย! แต่ตัวเองเป็นส.ส.ตระเวนใช้ตำแหน่งประกันพวกหมิ่นสถาบัน!!

จากกรณีที่เมื่อวานนนี้ (24 พฤษภาคม 2564) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) มอบหมายให้พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. ( PCT ) และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม./หัวหน้าชุดบังคับบัญชาฝ่ายประสานงานกับกระทรวงดิจิทัลฯ เข้าร่วมแถลงข่าวการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการเสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง บิดเบือน

รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีกลุ่มผู้ไม่หวังดี ได้กระทำการโพสต์เสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือบิดเบือนข่าวสาร สร้างความเข้าใจผิด ส่งผลให้เกิดความเสียหาย สร้างความตื่นตระหนกกับประชาชนและสังคมในวงกว้าง ตลอดจนกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ดังนั้นจึงได้มีความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการตรวจสอบการกระทำความผิดฯ และดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการเสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง บิดเบือน ข่าวสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

ล่าสุดทางด้าน น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่า กำลังไล่ฟ้องประชาชนอย่างบ้าคลั่ง ประหนึ่งเป็นงานรักงานหลักที่รอคอยมานาน ท่านเร่งดำเนินคดีกับประชาชน รวมถึงไปถึงสื่อมวลชน ทั้งๆ ที่หน้าที่ของท่านคือ การให้ความรู้ความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีการดำเนินคดีกับประชาชนหลายราย เช่น ดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ว่า “พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่วัดสังฆทาน จำนวน 300 ราย” ดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ว่า “ศบค. ประกาศเคอร์ฟิว เวลา 23.00 – 04.00 น. พื้นที่สีแดง 18 จังหวัด” ดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ว่า “เคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามออกจากบ้าน ตั้งแต่ 4 ทุ่ม – ตี 4 เริ่มวันที่ 23 เม.ย.64 นี้” เป็นต้น

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่กำลังจะถูกดำเนินคดี ซึ่งหากย้อนดูดีๆ หน่วยงานรัฐก็เคยแจ้งข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเช่นกัน อย่างกรณีล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขบอกว่า “วอล์คอินฉีดซีนได้ โดย จนท.จะฉีดให้สำหรับผู้มีรายชื่อเท่านั้น” 16 พ.ค. ผู้ว่าฯ กทม. บอกว่า “วัคซีนไม่พอ วอล์คอินไม่ได้ ต้องรอเดือนมิถุนายน” 18 พ.ค. ตอนเช้า นายอนุทินบอก “วอล์คอินได้ถ้าวัคซีนพอ ตกบ่าย นายกฯ บอก “ให้ระงับการฉีดวัคซีน” นี่คือตัวอย่างการให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนของรัฐ ซึ่งก็คล้ายกับประชาชนหลายรายที่กำลังจะถูกดำเนินคดี ถ้าหากจะฟ้องประชาชนที่โพสต์ข้อความให้เกิดความสับสน ก็เห็นควรว่าจะต้องฟ้องหน่วยงานรัฐด้วย เพราะเจ้าหน้ารัฐก็ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเช่นกัน อยากให้ใช้มาตรฐานเดียวกันด้วย

นอกจากนี้ น.ส.สุทธวรรณ ยังตั้งคำถามต่อนายชัยวุฒิว่า มีความสามารถพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องราวของเทคโนโลยีบ้างไหม มีความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ อยากให้แสดงเป็นที่ประจักษ์บ้าง ดูอย่างประเทศอื่น เช่น ออเดรย์ ถัง รัฐมนตรีดิจิทัลของไต้หวัน เขาเน้นส่งเสริมให้คนใช้เสรีภาพบนโลกออนไลน์ ช่วยกันพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสังคม มีการร่วมมือกับกลุ่มนักพัฒนาซอฟท์แวร์และระบบไอทีเพื่อสังคม พัฒนาแอปพลิเคชันบอกพิกัดร้านที่มีสต็อกหน้ากากอนามัยพร้อมแจกจ่าย แสดงความโปร่งใสและเป็นธรรมของรัฐในการกระจายอุปกรณ์ป้องกันโรค

น.ส.สุทธวรรณ กล่าวต่ออีกว่า อยากจะเรียนถามกับรัฐมนตรีกระทรวงดีอีเอสว่า ภารกิจหลักที่ท่านตั้งใจเข้ามาทำคืออะไรกันแน่ ในสถานการณ์โควิดเช่นนี้ท่านทำอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง เห็นมีแต่การขู่ฟ้องประชาชนและสื่อมวลชนเป็นหลัก ไล่ฟ้องแบบมอญซ่อนผ้าโยนนู่นยัดคดีนี่ เพื่อเอาใจนายไปวันๆ เท่านั้นหรือทั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จนไปถึงมาตรา 112 ท่านทำได้เท่านี้จริงๆหรือ หากท่านและทีมงานมีเวลาว่างมากพอ โปรดกันช่วยกันระดมสมองมาปรับปรุงแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม หรือพัฒนาแอพใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ประชาชนใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายจะดีกว่า

ย้อนไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2563 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก กรณีฝากขัง 9 ผู้ต้องหา แกนนำคณะประชาชนปลดแอก โดศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมด ผู้ขอประกันได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวให้ผู้ต้องหาทั้งหมด ศาลพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวดังกล่าวแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมดระหว่างสอบสวนตลอดจนถึงชั้นพิจารณาชั่วคราว โดยมีประกันในวงเงินคนละ 100,000 บาท โดยไม่ต้องมีหลักประกัน ซึ่งส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ใช้ตำแหน่งในการประกันตัวผู้ต้องหา โดยมี สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม  อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.

โดยสุทธวรรณ ได้กล่าวว่า ขณะนี้เบื้องต้นศาลมีคำสั่งฝากขังแกนนำทั้ง 9 คน ทนายความอยู่ระหว่างการยื่นเอกสารขอประกันตัว แกนนำทั้ง 9 คนที่ถูกออกหมายจับในคดีชุมนุมกับเยาวชนปลดแอกเมื่อวันที่ 18 ก.ค. และชุมนุม #เสกคาถาปกป้องประชาธิปไตย โดยใช้ตำแหน่ง ส.ส. ของพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และนักวิชาการ อัตรา 1 คนต่อการขอประกันแกนนำ 1 คน คาดว่าจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ขณะนี้ได้รวบรวมเอกสารเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างส่งให้ศาลพิจารณาว่าจะให้ประกันตัวทั้งหมดหรือไม่

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 64 สุทธวรรณ ก็โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า เวลา 18.50 น. ศาลอาญามีคำสั่งปล่อยตัวผู้ชุมนุมทั้ง 18 รายจาก #ม็อบ28กุมภา โดยใช้ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของตัวเอง ยื่นประกัน จำนวน 3 ราย และใช้เงินสดจากกองทุนประกันตัวของเครือข่ายนักวิชาการ จำนวน 15 ราย (ส่วนผู้สื่อข่าว 1 ราย ได้ประกันตัวในชั้นสอบสวนไปก่อนหน้านี้ค่ะ)

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ,น.ส.เบญจา แสงจันทร์ , น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา เดินทางไปให้กำลังใจมารดาของผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 พร้อมร่วมติดตามผลการขอยื่นประกันตัว หลังจากมารดาของของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร และมารดาของ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112ด้วย