อาจารย์เทพมนตรี เปิดลับ 14 ตุลาอุดมการณ์อุปโลกน์? แฉ! จอมพลถนอมทุ่มงบให้มธ.อื้อแต่ถูกปกปิด

2118

จากที่วันนี้ 18 พฤษภาคม 2564  เทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความให้ข้อมูลที่สำคัญยิ่งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เหตุการณ์ทางการเมืองไทย โดยยังพูดถึงปิยบุตร แสงกนกกุล รวมทั้งนักวิชาการไว้อย่างน่าสนใจ

ทั้งนี้นายเทพมนตรี ได้บอกเล่าถึงเรื่องนี้ไว้ในเฟซบุ๊ก โดยระบุทั้งหมดว่า  “เทพมนตรี 14 ตุลา ปิยบุตร พฤษภาทมิฬ ตอนนี้ปิยบุตร อายุย่าง 42 ปี เพราะเขาเกิด พ.ศ.2522 ตอนพฤษภาทมิฬ พ.ศ.2535 เขาอายุ 13 ปี

สมัยก่อนผมทำเรื่อง 14 ตุลาคม 2516  ผมอายุ 35 ปี ตอนนั้นตรงกับ 30 ปี 14 ตุลาคม พอดี ผมเกิด พ.ศ. 2511 ผมอายุย่าง 6 ขวบ ตอนเกิดวันมหาวิปโยค รัฐบาลจอมพลถนอมพัง

ตอนที่ผมทำเรื่องจอมพลถนอม พันเอกณรงค์ ถูกพวกนักวิชาการประวัติศาสตร์ดูถูกดูแคลนหาว่าไม่ทันเห็นเหตุการณ์ เอาประเด็นเรื่องอายุมาเป็นเกณฑ์เพราะเป็นเด็ก ผมว่ามันตลกมาก  แต่ไม่มีใครกล้าตีเรื่องความจริง 14 ตุลาคม 2516 ที่ผมเสนอ

มาถึงบัดนี้ถ้าจะมาตีเรื่องนี้คงสนุก เพราะแผลเหวอะเยอะโดยเฉพาะพวกที่อ้างเป็นคนเดือนตุลาคม มีหลายเผ่าพันธุ์ตามสภาพแวดล้อม

ตอนนั้นผมเสนอว่า ทหารใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือเพื่อล้มรัฐบาลจอมพลถนอม ,นักศึกษาในจำนวนนั้นเป็นคอมมิวนิสต์ อุดมการณ์ 14 ตุลาคมถูกอุปโลกน์ในช่วงรัฐบาลสัญญา ซึ่งมีรัฐมนตรีเกินครึ่งในรัฐบาลจอมพลถนอม เป็นต้น

ผมถูกนักวิชาการ และนักการเมือง เล่นงานหนัก แต่ก็ไม่สนใจ ครูบาอาจารย์อันเป็นที่รักก็เกลียดชัง เพราะเอาความจริงอีกด้านขึ้นมาอธิบายสังคม และทำลายความคึกคักของการจัดงานญาติวีรชนด้วยการวิพากษ์เหตุการณ์ 14 ตุลาคม ผ่านพันเอกณรงค์

พันเอกณรงค์ออกโรดโชว์เล่าเรื่องนี้อีกรอบ ผมเคยสอบถามจอมพลถนอมว่า มีนักวิชาการประวัติศาสตร์มาสัมภาษณ์ท่านจอมพลไหม ท่านตอบผมว่าไม่เคยมี ผมเป็นคนแรก

“จอมพลถนอมเป็นอดีตอธิการบดีมธ. ตอนเป็นนายกรัฐมนตรี ทุ่มงบประมาณให้ธรรมศาสตร์มากมาย 55555 แต่มีคนพยายามปกปิดไม่พูดถึง”

ปิยบุตร อายุ 13 ขวบตอนเกิดพฤษภาทมิฬ แต่ตอนนี้กำลังกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ไม่มีนักวิชาการกลุ่มที่เคยด่าผมออกมาต่อว่าปิยบุตรทั้งๆที่ ไม่รู้เรื่อง

เห็นไหม สังคมนักวิชาการมันเป็นก๊กเป็นเหล่าเป็นสำนักคิด  พวกใครพวกมัน ประเด็นความเป็นเด็กเกิดไม่ทันเหตุการณ์ไม่ได้สำคัญอะไรหรอก มันอยู่ที่ว่าเด็กใคร

ที่วันนั้นผมโดนหนักเพราะครูบาอาจารย์ผมไม่พอใจ รุ่นพี่รุ่นน้องไม่กล้านับรุ่น ไม่ได้เกี่ยวกับอะไรเลยที่เป็นสาระ เมื่อมาถึงวันนี้ผมเลยไม่สนใจคนเหล่านี้ และเมื่อกลับไปดูงานวิชาการพวกเขาก็มีไม่น้อยที่ไม่เคยประเมินคุณค่าหลักฐาน งานเขียนเลยออกมาเป็นอย่างนั้น แถมยังใช้หลักฐานปลอม มากล่าวเท็จอีก!