แกะรอย“ยุทธิยง”คนสื่อมากประสบการณ์ไฉนพ่ายวิลาสินี ? เมื่อวิสัยทัศน์ผู้สมัครไปไม่ถึงมือกก.นโยบาย Thai PBS

2046

แม้จะผ่านพ้นทราบผลถึงการเลือกผอ.ไทยพีบีเอสคนใหม่ มาแล้ว แต่ก็เกิดขึ้นท่ามกลางคำถามถึงความโปร่งใส และยังตั้งข้อสงสัยไปถึงขนาดว่า มีผลประโยชน์ใดทับซ้อนหรือไม่???

นั่นยังมิพักกล่าวถึง ตัวบุคคลแม้ผอ.ไทยพีบีเอส จะมีประสบการณ์มาแล้วจากการทำหน้าที่สมัยแรก กระนั้นก็ยังมีความน่าสนใจกับผู้สมัครที่ร่วมเข้าชิงชัย อันมากประสบการณ์งานสื่อบางคนที่ถูกมองข้าม!?!   

ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที คือคนสื่อมากประสบการณ์ที่กล่าวถึงข้างต้น และนี่คือ หนี่งในผู้สมัครเข้ารับการสรรหาผู้อำนวยการไทยพีบีเอส ถามว่าทำไมถึงไม่ได้รับคัดเลือก เรื่องนี้คงต้องให้คณะกรรมการนโยบายไทยพีบีเอส เป็นผู้ตอบจึงจะชัดแจ้งที่สุด และนี่เองที่มีเสียงจาก ยุทธิยง ผ่านวิสัยทัศน์ ที่ได้นำเสนอไว้อย่างน่าสนใจ ใคร่ครวญ แต่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง สิ่งนี้กลับไปไม่ถึง

13 พฤษภาคม นายยุทธิยง ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ไว้ในเฟซบุ๊ก Mee Nabon มีเนื้อความที่ประชาชนควรอย่างยิ่งจะได้รับทราบทั้งหมดดังนี้

“วิสัยทัศน์​นาย​ยุทธิยง ไปไม่ถึงกรรมการนโยบาย​ไทยพีบีเอส.. ผมสัญญา​ไว้กับสื่อว่าขออนุญาต​ที่จะไม่ให้สัมภาษ​ณ์ในเรื่องนี้​ อยากให้เอาเนื้อหาและความคิดถ้อยคำ​ ที่ออกจากใจและปัญญา​เล็กน้อยและความปรารถนา​ดีของผมที่พึงมี​ เผยแพร่​จะเป็น​ประโยชน์​แก่วงการสื่อมวลชน​และปัญญา​ของ​สังคม​ น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า​การจะให้สัมภาษ​ณ์ ผมเรียกความมุ่งหวังนี้ว่า​ “ยุทธศาสตร์​ขับเคลื่อน​องค์กรTPBSด้วย​ธงห้าผืน​ เพื่อยกระดับความรู้สติปัญญา​สาธารณะ​ให้ก่อเกิดปัญญา​สาธารณะ​อย่างมีพลัง​

#ธงผืนแรก​ คือการทำให้ทีวีสาธารณะ​เป็นทีวีสาธารณะ​ที่กว้างแก่คนทุกกลุ่มในสังคม​ เป็นทีวีของNGO เป็นทีวีของนักวิชาการ​ เป็นทีวีของนักธุรกิจ​ กรรมกร​ ข้าราชการ​ ธนาคาร​ อุตสาหกรรม​ ชุมชน​ ชาวบ้านและสถาบันฯ​ เพื่อให้การรับรู้​ข่าวสาร​เรื่องราวครอบคลุม​ก่อให้เกิดพลังเพื่อหล่อเลี้ยงอาหารสมอง​ปัญญา​สร้างสรรค์​อยู่​เสมอแก่คนในบ้านเมือง​

#ธงผืนที่สอง​ กำหนดประเด็นสาธารณะ​ให้มีพลังสู่พลังสาธารณะ​เช่นความยากจน​ ความยุติธรรม​ต้นทุนแพง​ อาหารไร้คุณภาพ​ เพื่อหล่อหลอมทุกกองบรรณาธิการ​ทุกโต๊ะ​ข่าวให้ร่วมกันคิดประเด็นเหล่านี้​สร้างContent เผยแพร่เพื่อยกระดับให้ระดับนโยบาย​ของชาติไปแก้ไขต่อไป​

#ธงผืนที่สาม​ ที่ไหนมีข่าวที่นั่นมีเรา​ ทุกเหตุการณ์​เราจะฝึกคนน้องๆในกอง​บรรณาธิการ​ให้มีทักษะการรายงานข่าว​อย่างมีดุลยภาพ​ทางปัญญา​ที่รัดกุม​ สิ่งไหนหมิ่นเหม่ต่อหลักกฏหมายก็ต้องบอกแก่สาธารณชน​ว่าเหตุการณ์​สิ่งนี้ให้รัดกุมหมิ่นเหม่ก่อกุศลหรืออกุศล​ ดำรงตนเป็นที่เชื่อถือ​ สง่างามในดุลยภาพแห่งชีวิตสื่อมวลชน​ ​ที่สามารถ​เข้าไปทำงานได้ทุกกลุ่มคน​ทุกสี​ ทุกฝ่ายทุกกลุ่มคน​ในสังคม​

#ธงผืนที่สี่​ ปรับองค์กร​ให้มีวัฒนธรรม​Agile​ Organization​ คล่องตัวยืดหยุ่นว่องไว​สร้างบรรยากาศ​การสื่อสารที่ใกล้ชิด​หลอมทุกกองบรรณาธิการ​ให้มีจิตใจเป็นหนึ่งเดียว​ ข้ามเส้นแบ่งแบบระบบวัฒนธรรม​ราชการไปบ้างด้วยใจอันสุจริตมุ่งมั่น​ ด้วยใจที่ทำงานให้สาธารณชน​

#ธงผืนที่ห้า​ สร้างสรรค์​ออกแบบ​ย่อยเนื้อหา​Content ซึ่งเป็นทุนที่มีอยู่แล้ว​ในสถานีโทรทัศน์​ ปรับตกแต่งย่อยเนื้อหาให้กระชับใส่เผยแพร่​เข้าสู่​ สังคม​ Digital​ ย่อยเนื้อหายกระดับ​ให้เป็นสำนักข่าวชาติ​ เหมือนกับสำนักข่าวไทย​เพื่อสถาปนาข้อมูลข่าวสาร​ให้เป็นฐานข้อมูล​ที่ถูกต้องแก่คนในสังคมไทย​

วิสัยทัศน์​เหล่านี้ของผู้สมัคร​ต้องผ่าน​”กรรมการสรรหาก่อนไปสู่กรรมการนโยบาย” คำถามมีมาโดยตลอดจาก​นักกฏหมายมา​หลายปีว่า​ “อำนาจอันจำกัดที่มีตัวแทนสื่อคนหนึ่งนั่งเป็นประธา​น​ เมื่อมีการท้วงติง​จากนักปราชญ์​นักกฏหมายผู้ปรารถนา​ดีมาเป็นเวลา​นาน ประจวบกับ​สื่อมวลชนมีข่าวหลายปี​ถึงกรรมการ​ผู้ทำหน้าที่จะต้องงดงามไร้มลทินแห่งความมัวหมอง​ สิ่งเหล่านี้ถึงเกิดซ้ำจนนำไปสู่การขุดคุ้ย​ ด้วยมีความปรา​รถนาดีต่อการยกระดับความภาคภูมิใจ​ในวิชาชีพที่ต้องที”สำนึกที่เคร่งครัด​” ผมเองถือเป็นบุคลากร​ทำงานสื่อ​พอจะมีสติปัญญา​ไม่มากนัก​ ก็จึงนำธงห้าผืนนี้เผยแพร่​แก่สาธารณชน​

หากมีประโยชน์​ก็ไม่หวงแหนทางลิขสิทธิ์​ใด​ๆ และ​ภูมิใจที่การทำงานอันหนักแม้ไม่ถึง​กรรมการนโยบาย​ ได้เผยแพร่​เป็นปัญญาความรู้​ มุ่งถึงการก่อเกิดกุศล​ในสังคม​ไม่มากก็น้อย​ *ขอบคุณ​อีกครั้งกับผู้ปรารถนา​ดีต่อแผ่นดินและสังคม​เพื่อกระยกระดับ​ คุณภาพ​การทำงานด้านสื่อและปัญญา​ให้สังคม​ไทย* *หมายเหตุ​ ภาพกราฟ​ฟิก​บางภาพที่เผยแพร่​บางภาพมิได้วาดขึ้นเองเอามาจากโลกโซเชียล​ มุ่งหวังนำมาใส่เนื้อหา​เพื่อให้ได้เข้าใจง่ายต่อการสื่อสาร​*”

นั่นคือสื่อที่คนสื่ออย่างยุทธิยง สื่อออกมาเรียกว่า วิสัยทัศน์ อันมีเนื้อความที่น่าพิจารณา และแน่นอนว่าวิสัยทัศน์ ย่อมมาจากความรู้ นั่นคือ ประสบการณ์งานสื่อสารมวลชน

สามสิบปีของการทำงานสื่อ​ ยุทธิยงทำงานหนัก​ สิบปีหลังมานี้ไม่มีใครรู้ว่า​ ยุทธิยงทำงานสองจ๊อป​ กลางวันทำสื่อค่ายพระอาทิตย์​ หลังเที่ยงคืน​ทุกคืน​ นครนิวยอร์ค​เป็นเวลาทำงาน​ สำนักที่บ้านไฟจะสว่างถึงตีสาม​เพื่อประสาน​ด้านธุรกิจ​ส่ง​สินค้า​ อาหาร​ไปให้กลุ่มอุตสาหกรรม​อาหารเครือสไปรท์​กรุ๊ป​ (นิวยอร์ก)​ ปีหนึ่งเฉพาะ​ส่งกะทิไปนิวยอร์ก​30ตู้คอนเทนต์​เนอร์​ เส้นผัดไทย​เครื่องเทศ​ supply เครื่องปรุงอาหารให้กับธุรกิจ​ครอบครัว​

ยุทธิยง จบมหาวิทยาลัย​ธรรมศาสตร์​ ปี31​เป็นผู้สื่อข่าวหนังสือ​พิมพ์​ผู้จัดการ​ เกียรติประวัติ ​ร่วมเป็นสักขีพยาน​ร่วมยุติการต่อสู้ด้วยอาวุธ​ของกองทัพบก​กับพรรคคอมมิวนิสต์ภาคใต้​ อยู่​สหรัฐอเมริกา​เป็นผู้สื่อข่าวต่างประเทศ​ให้เครือผู้จัดการประจำกรุงนิวยอร์ก​

หลังกลับมาเมืองไทย​เป็นผู้ดำเนินรายการ​สภาชาวบ้าน​สภากาแฟ​ให้กับช่อง 3 อยู่​สามสี่ปี​ เป็นรานการแรกของสื่อโทรทัศน์​ที่เคลื่อนตัวไปให้ชาวบ้านทั่วประเทศ​ได้ใช้พื้นที่​สื่อสาร​ปัญหา​การทำกินและปัญหา​ต่างๆ​  เมื่อออกจากช่อง3 ค่ายพระอาทิตย์ ​ชวนมาให้บุกเบิก​สถานีเอเอสทีวี​ปัจจุบัน​คือ​นิวส์วัน​ โดยเริ่มสร้างบุกเบิก​สถานีจากตึกร้างว่างเปล่า​ 18 ปี ​ก็ทำหน้าที่สื่อ​ เคยทำรายการสภา​กาแฟยามเข้าตรู่ที่ช่อง9​ เคยเป็นเจ้าของรายการทุนของแผ่นดิน​  คำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน​ ออกอากาศช่อง11​ ปัจจุบัน​ก็ยังทำงานสื่อ​ ผู้ดำเนินรายการสภากาแฟ​ และ​คอลัม​นิสต์ “จากนาบอนถึงริมฝั่งเจ้าพระยา”

โดยงานเขียนคอลัม​นิสต์ ไม่ต่ำกว่า 50บทความ​เพื่อสะท้อนสิทธิ​การทำกินของชาวบ้าน​ เหนืออื่นใด​  บทความเพื่อบรรยาย​หลักเศรษฐศาสต​ร์พอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9​ ซึ่งเขียนด้วยลีลาภาษาการสื่อสารที่ช่วยให้ประชาชนเข้าใจง่ายๆแต่ทว่าลึกซึ้ง​