สุพัฒนพงษ์แย้มรัฐบาลจ่อเคาะมาตรการใหม่!?!หวังคนไทยล้วงเงินออม 5 แสนลบ.ปลุกเศรษฐกิจ มั่นใจดัน GDP ปีนี้โต 4%

1714

สุพัฒนพงษ์เผยแผนรัฐบาลเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะมีผลเดือนมิ.ย.นี้ ยันไม่กู้เงินเพิ่ม แต่ใช้มาตรการจูงใจผู้มีเงินฝากสูงใช้จ่ายมากขึ้น เพื่อช่วยดันศก.ประเทศให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่ม  ย้ำจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเหมือนเดิมก.ค.นี้หรือไม่รอดูสถานการณ์ 2 สัปดาห์ มั่นใจถ้าประชาชนร่วมกันใช้จ่ายจะพยุงเศรษฐกิจเดินหน้าได้ตามเป้า 4%แน่นอน

เมื่อวันที่ 26 เม.ย.2564 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน  เปิดเผยผลการประชุมหารือวงเล็ก คณะกรรมการวัคซีนทางเลือกก่อนประชุมหารือ รับข้อเสนอเอกชนคณะใหญ่ในวันที่ 28 เม.ย.ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า มีการหารือเพื่อกำหนดแนวทางบริหารจัดการ  และแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ประชาชน  และการหารือกับภาคเอกชนในวันที่ 28 เม.ย.นี้จะทำให้ได้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมของรัฐบาล ทั้งในเรื่องของการคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด-19 การรักษาพยาบาล และเรื่องของการจัดเตรียมวัคซีน โดยยังไม่มีการพูดคุยหารือ เรื่องของการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ  ส่วนแนวทางที่จะมีการเพิ่มหรือยกระดับมาตรการหลังจากที่ตนเองเคยประเมินว่าภายใน 2 สัปดาห์สถานการณ์จะปรับดีขึ้น ขณะนี้เห็นว่ายังไม่ครบตามเวลา 2 สัปดาห์ รอดูสถานการณ์อีกระยะจึงตัดสินใจ

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวต่อว่า ตนอยากให้มองว่าแม้จะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่ต้องดูในมิติของผู้ที่หายป่วยประกอบกันด้วย ซึ่งจากข้อมูลเปรียบเทียบย้อนหลังไปเมื่อ 14 วันที่แล้ว ขณะที่ในวันนี้ก็มีผู้หายป่วยประมาณกว่า 400 คนซึ่งถือว่าปรับเพิ่มขึ้นอย่างสำคัญ ทั้งนี้การหาวิธีการดูแลผู้ติดเชื้อในประเภทต่างๆทั้งที่แสดงอาการไม่แสดงอาการ หรือมีอาการรุนแรงก็ตามเป็นสิ่งสำคัญ 

ในส่วนของแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวนั้น ยังไม่มีการพิจารณาใหม่ แต่ต้องรอดูสถานการณ์ภายในสัปดาห์นี้ที่น่าจะทำให้รู้ทิศทางได้ เบื้องต้นยังกำหนดเป็นช่วงเดือนก.ค.เช่นเดิม ส่วนที่กระทรวงการท่องเที่ยวปรับลดเป้าด้านการท่องเที่ยวนั้น ถือเป็นภาพรวมด้านการท่องเที่ยวที่ในแต่ละปีคนไทยมีการท่องเที่ยวมาก ซึ่งมีเม็ดเงินกว่าล้านล้านบาท โดยการประเมินว่าจะมีการท่องเที่ยว 120 ล้านคนต่อครั้ง จากเดิม 160 ล้านคนครั้งนั้น ถือเป็นการประเมินในช่วงเวลาขณะนี้ ทั้งนี้หากหลังจากนี้สามารถแก้ปัญหาให้กลับมาอยู่ในทิศทางที่ดี อยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ คนไทยมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น จะทำให้ทุกคนกลับไปท่องเที่ยวได้เหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิมด้วย 

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับลดลงกว่าครึ่งคือจาก 6 ล้านคนเป็น 3 ล้านคนนั้น ต้องมองข้อเท็จจริงว่า ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยแต่ทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด สิ่งสำคัญคือทุกคนยังคงต้องระมัดระวังตัวเอง สวนสยามหน้ากากอนามัยตลอดเวลา 

สำหรับตัวเลขจีดีพีนั้น มองว่าคงเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทั่วโลก เพราะการระบาดในรอบนี้ยอมรับว่าน่าเป็นห่วง อย่างไรก็ตามมองว่าหากคนไทยทุกคนช่วยกันก็ยังมีโอกาสที่ตัวเลขจีดีพีของไทยจะเป็นไปตามเป้าที่ร้อยละ 4 ได้  เพราะขณะนี้พบตัวเลขในบัญชีเงินฝากของคนไทยมีเพิ่มสูงขึ้น หลายแสนล้านบาท หรือ ประมาณ 5-6 แสนล้านบาท ดังนั้นหากอยากให้จีดีพีเป็นไปตามเป้าที่ร้อยละ 4 คนไทยก็ต้องช่วยกันออกมาใช้จ่ายช่วยกันบริโภค ซึ่งยอดเงินฝากนี้หากเปลี่ยนเป็นจีดีพีก็จะอยู่ร้อยละ 3  โดยมองว่าหากมีการใช้จ่าย เพียงแค่ 1 ใน 3 หรือครึ่งนึง ของยอดเงินดังกล่าวก็จะมีส่วนช่วยผลักดันตัวเลขจีดีพีได้มาก ถึงร้อยละ 1 ดังนั้นเมื่อรวมกับการประเมินจากภายนอกว่าเศรษฐกิจไทยจะโตอยู่ที่ร้อยละ 2.7 ดังนั้นหากได้ยอดการใช้จ่ายส่วนนี้ไปช่วยก็จะทำให้ตัวเลขเป็นไปตามเป้าได้ 

นายสุพัฒนพงษ์  กล่าวด้วยว่า ส่วนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นรัฐบาลได้เตรียมไว้แล้วคาดว่าเดือนมิถุนายนก็เริ่มมีผล ขณะที่รัฐบาลเองก็ต้องเร่งการใช้จ่ายงบประมาณของแต่ละกระทรวง โดยใช้เครื่องมือในส่วนของพ.ร.บ.เงินกู้ ที่ยังอยู่ในกรอบงบประมาณเดิมด้วย โดยย้ำว่าไม่ได้ใช้งบประมาณมาก แต่เน้นให้คนที่มีเงินฝากจำนวนมากออกมาใช้จ่ายเพื่อช่วยชาติ โดยสร้างแรงจูงใจให้กับคนที่มีเงินฝาก ออกมาช่วยชาติ ซึ่งไม่ใช่ในลักษณะคนละครึ่ง หรืออาจจะเป็นคนละเสี้ยวคนละค่อน แต่สิ่งสำคัญวันนี้คือต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่าประเทศไทยสามารถควบคุม ดูแลการแพร่ระบาดได้ ในระดับที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่น ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างจะค่อยๆคลี่คลายลงได้