โดนจัดชุดใหญ่!! นักประวัติศาสตร์ดัง ชำแหละ Thai PBS สื่อมั่ว “จ้องโจมตีรัฐ” นำเสนอข่าวเท็จบ่อยครั้ง เกินกว่าจะให้อภัย!?
หลังจากที่ทางด้านของ ไทยพีบีเอส ได้นำเสนอข่าว เศรษฐีอินเดีย เช่าเครื่องบินเหมาลำ หนีจากโควิด-19 มุ่งหน้าไปยังเมืองดูไบ และยังได้โพสต์ต่อว่า มีเครื่องบินจากอินเดีย บางลำมายังไทยด้วย สร้างความตื่นตระหนักให้กับประชาชนอย่างมาก และทำให้ประชาชนจำนวนมากเกิดความสับสน และกล่าวหาโจมดีการทำงานของภาครัฐอย่างรุนแรง
ซึ่งต่อมาทางด้านของ นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ได้เปิดเผยแล้วว่า เมื่อเช้ามีการพูดคุยกันในที่ประชุม และมีรายละเอียดมาจากกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ว่า จะมีการเช่าเหมาลำเครื่องบินจากอินเดีย จะมีก็มีแต่ เดือน พ.ค. ที่จะถึงนี้ จะมีนำคนไทยขึ้นเครื่องบินกลับมาจากอินเดีย อีก 4 เที่ยวบิน เท่านั้น
หลังจากนั้นทางด้านของ สำนักข่าวไทยพีบีเอส ได้ออกมาทำหนังสือชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านทุกช่องทาง ว่าเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน พร้อมกับได้ทำการลบข่าวดังกล่าวออกไปแล้วทั้งหมด
ล่าสุดในวันที่ 26 เม.ย.64 ทางด้านของ นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ถึงประเด็นดังกล่าว ในหัวข้อ “เศรษฐีอินเดีย หนีโควิด แห่เช่าเหมาลำบินเข้าไทย” ไทยพีบีเอส อีกแล้วครับท่าน!!! ได้อย่างน่าสนใจ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
“เศรษฐีอินเดีย หนีโควิด แห่เช่าเหมาลำบินเข้าไทย”
ไทยพีบีเอส อีกแล้วครับท่าน!!!
จำกันได้มั้ยว่า ไทยพีบีเอส ออกมาแก้ตัวแก้ข่าวกี่ครั้งกี่หน และยังจำกันได้อยู่ใช่มั้ย ช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา แต่ไทยพีบีเอชเขียนข่าวว่าวันสวรรคต สุดท้ายออกมาแก้ข่าวแก้ตัว
ล่าสุดเอาอีกแล้วครับท่าน เอาข่าวที่ “ฟัง(อ่าน)ไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด” แล้วก็ออกมาแก้ตัวตามระเบียบ
……………………
มีข่าวชาวอินเดียแห่กันบินหนีไปดูไบจนตั๋วเต็ม ทำให้ราคาตั๋วพุ่งขึ้นไป 5 เท่า จึงเกิดการรวมตัวกันเช่าเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำ
ทั้งนี้ในข่าวดังกล่าวมีการพูดเกี่ยวกับไทยเพียงสั้นๆ นิดเดียว ในช่วงที่สัมภาษณ์ว่า “ลูกค้าส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดบินไปดูไบ และมีบางรายที่บินไปประเทศไทย”
ซึ่งเป็นการพูดถึงเมืองไทยเพียงประโยคเดียวสั้นๆ เท่านั้น ข่าวไม่ได้พูดถึงการเช่าเหมาลำบินเข้าไทยแต่อย่างใดเลย
แต่ข่าวทีวีช่องที่รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล กลับออกข่าวที่ทำให้คนเข้าใจผิดไปในแง่ว่าคนอินเดียแห่เช่าเครื่องบินเหมาลำบินมาไทย
ล่าสุด มีการงดออก COE ให้คนที่ต้องการจะบินจากอินเดียเข้าไทย แต่ชาวบ้านยังคงเข้าใจผิด เพราะดูจากรายชื่อคนที่บินเข้าไทย พบว่ามีรายชื่อเป็นชาวอินเดีย
…………………….
ข้อเท็จจริงสำหรับข่าวที่ถูกบิดเบือนนี้คือ….
– มีชาวอินเดียเข้าไทย 602 คน
เงื่อนไขการเข้าประเทศไทยของคนสัญชาติอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1-20 เม.ย.2564 แบ่งเป็นเข้ามาทำงาน 426 คน กลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุน 110 คน เป็นกลุ่มนักธุรกิจ มีคู่สมรส บิดามารดา หรือบุตรคนไทย จำนวน 30 คน
นอกจากนี้ ยังมีนักเรียนนักศึกษา จำนวน 16 คน มีถิ่นที่อยู่ในไทย จำนวน 10 คน และคณะทูต ผู้แทนรัฐบาล จำนวน 8 คน และเข้ามารักษาพยาบาลที่ไม่ใช่โรค COVID-19 จำนวน 2 คน
– ชาวต่างชาติ 7 อันดับแรก ที่เดินทางเข้าไทย
สำหรับจำนวนบุคคลที่เข้ามาในไทย แยกตามสัญชาติระหว่างวันที่ 1-20 เม.ย. พบว่าสัญชาติอินเดียอยู่ในลำดับที่ 7
โดยลำดับที่ 1. ไทย 7,176 คน, 2. จีน 2,148 คน, 3. ญี่ปุ่น 1,700 คน, 4. สหรัฐอเมริกา 1,153 คน, 5. อังกฤษ 617 คน, 6. เยอรมนี 608 คน และ 7. อินเดีย 602 คน
https://news.thaipbs.or.th/content/303669
……………………..
ซึ่งการที่มีชาวต่างชาติซึ่งมีวีซ่าทำงาน วีซ่านักเรียน หรือวีซ่าคู่สมรส เดินทางเข้าประเทศนั้น เป็นเรื่องปกติ มีทุกประเทศในโลก ไม่ได้มีเฉพาะเมืองไทย เพราะชาวต่างชาติเหล่านั้นเป็นคนที่ทำงานหรือเป็นนักศึกษาที่ใช้ชีวิตอยู่อาศัยในเมืองไทยเป็นหลัก
เข้าใจกันบ้างไหม ถ้าไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้ ก็จงเปิดกะลา เปิดเนตรกันด้วย
…………………….
การจะบินเข้าไทยได้ มันมีเงื่อนไข แต่ไม่มีเงื่อนงำ
ชาวต่างชาติทุกคนที่จะเข้าไทยต้องมีการตรวจเชื้อโควิด-ทำประกันก่อน
โดยก่อนที่ชาวต่างชาติทุกคนเข้ามาในไทย จะต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตในประเทศต้นทางก่อนว่าผ่านการตรวจเชื้อ COVID-19 มาแล้ว และมีผลยืนยันไม่เกิน 72 ชั่วโมง
รวมทั้งต้องมีประกัน COVID-19 ทุนประกันวงเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเข้ามาแล้วจะออกใบรับรองให้เดินทางเข้าไทย และเข้ามากักตัวตามขั้นตอน โดยผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศนั้นต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่รัฐบาลอนุญาตด้วย
……………………..
การที่ปล่อยข่าวเท็จหรือข่าวที่บิดเบือนออกไปแล้ว โดยเฉพาะข่าวที่ให้ร้ายรัฐบาลหรือสถาบันพระมหากษัตริย์ มักได้รับความสนใจอย่างสูงและรวดเร็ว รวมทั้งมันจะถูกกระจายข่าวออกไปเหมือนไฟลามทุ้งที่หยุดไม่อยู่
แต่เมื่อความจริงปรากฏ แล้วแหล่งที่ปล่อยข่าวเท็จหรือข่าวบิดเบือนออกมาแก้ข่าวพร้อมกับการแก้ตัวนั้น
ข่าวแก้ตัวและข่าวของการการแก้ข่าวนั้น ไม่เคยได้รับความสนใจ หรือไปดับข่าวเท็จที่เป็นไฟลามทุ่งนั้นเลย
สุดท้ายความเข้าใจผิด ที่มีอยู่ตั้งแต่อ่านข่าวเท็จหรือข่าวบิดเบือนนั้น ก็ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของคนที่มีทัศนคติเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลหรือสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไป
………………………
ซึ่งมักจะมีลักษณะเป็นขั้นเป็นตอนแบบนี้
1.มีการปล่อยข่าวเท็จ ข่าวบิดเบือน
2.ชาวบ้านเชื่อสนิทใจ
3.ชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ และรุมด่ารัฐบาลกันสนั่น
4.สำนักข่าวออกมาแก้ข่าวและแก้ตัว
5.แต่ไม่มีชาวบ้านสนใจข่าวของการแก้ข่าวนั้นเลย
6.ความเข้าใจผิดนั้นฝังอยู่ในจิตใจของชาวบ้านไปแล้ว
7. หลังจากนั้นจะเกิดกรณีแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาเป็นวัฎจักร โดยไม่มีใครหรือหน่วยงานใดคิดจะจัดการหรือแก้ไข หรือลงโทษเพื่อจะกำจัดการกระทำผิดซ้ำซากนี้
เอาตัวอย่างเฉพาะไทยพีบีเอสทีเดียว ปล่อยข่าวเท็จข่าวบิดเบือน ทำผิดซ้ำซากกี่ครั้งกี่หนลองดูกันหน่อยมั้ย https://www.facebook.com/100010403598013/posts/1391250971231676/?d=n
ทำไมเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกได้นะหรือ?
คำตอบคือ ไม่เคยมีหน่วยงานหรือผู้มีอำนาจหน้าที่ ออกมาจัดการหรือลงโทษใดๆ เลย หรือไม่?
การไม่จัดการใดๆ หรือไม่มีการลงโทษ คือการให้การสนับสนุนให้กระทำผิดหรือไม่?
……………………….
มีสำนักข่าวหลายแห่งในประเทศไทยที่มีลักษณะปล่อยข่าวเท็จหรือข่าวบิดเบือนอยู่เสมอๆ
เป็นสำนักข่าว แต่กลับปล่อยข่าวเท็จและข่าวบิดเบือนอยู่บ่อยๆ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ
และรัฐบาลก็ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ ที่มีสื่อที่รัฐบาลต้องควบคุม หรือแม้กระทั่ง สื่อของรัฐบาลเอง ออกข่าวบิดเบือนโจมตีรัฐบาล โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ซ้ำๆ ร่ำไป
มันควรจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับสื่อที่ไร้จรรยาบรรณ และไร้ความรับผิดชอบหรือไม่
นี่คนในรัฐบาลอให้การสนับสนุนการปล่อยข่าวเท็จทำลายรัฐบาล ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ หรืออย่างไร? งงใจเหลือเกิน!
……………………….
อัษฎางค์ ยมนาค
ทั้งนี้จากการสืบค้น ก็พบว่า ทางด้านของสำนักข่าว Thai PBS ในช่วงหลายปีมานี้ ได้โพสต์ข่าวข้อโทษ ที่นำเสนอข้อมูลไม่เป็นความจริงอยู่บ่อยครั้ง ตามภาพข้างล่าง