UN หวังคลายขัดแย้งสหรัฐ-จีน!?!ในโอกาสฉลอง 75 ปี ทรัมป์ประกาศปัดไม่ร่วมประชุม ทำทุกฝ่ายรอเก้อหน้าแตก

2012

สัปดาห์หน้าการประชุมสมัชชาสหประชาชาติในโอกาสครบรอบ 75 ปี จะเริ่มขึ้นผ่านวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ ในนครนิวยอร์ก ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และปธน.สี จิ้งผิงจะได้ขึ้นแถลงวิสัยทัศน์ ขณะที่หลายฝ่ายคาดว่าสีจะพูดถึงบทบาทจีนต่อนานาชาติในช่วงเวลาที่ถูกสหรัฐกดดัน และกล่าวถึงบทบาทนานาชาติในการแก้ปัญหาร่วมกันเรื่องโควิด-19 และปัญหาภาวะโลกร้อน  ไม่มีใครรู้วาระวอชิงตันว่าทรัมป์จะหยิบยกประเด็นใดมานำเสนอโลก

ทั้งนี้ไต้หวันเผยท่าทีแอบหวังให้ทรัมป์ หยิบยกประเด็นการยกระดับไต้หวันให้สามารถเข้าร่วมสมัชชาอนามัยโลกในปลายปีนี้ได้ แต่ทรัมป์ทำทุกฝ่ายงุนงง เพราะประกาศว่าจะไม่เข้าร่วมด้วยตนเอง

โลกอึ้ง-ทรัมป์ประกาศไม่เข้าร่วมงานฉลองสมัชชาสหประชาชาติ

ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จะไม่เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในสัปดาห์หน้าด้วยตนเอง จากที่เมื่อเดือนที่แล้วเคยย้ำว่าเขาต้องการกล่าวสุนทรพจน์ในห้องประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในนครนิวยอร์ก แม้ว่าผู้นำระดับโลกคนอื่นจะไม่อยู่ในห้องประชุมด้วยอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม 

ทั้งนี้ผู้แทนประเทศส่วนใหญ่จะร่วมการประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์  เนื่องจากวิกฤติโควิด-19 สำหรับช่วงสำคัญของการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UNGA ในปีนี้ อยู่ที่การผลัดกันขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ของบรรดาผู้นำระดับโลกที่จะดำเนินไปตลอดสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน ไปจนถึงวันที่ 29 กันยายน ขณะที่ในการแถลงเปิดงานเมื่อวันอังคาร นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติได้เน้นย้ำเรื่องการรับมือการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกรวมถึงเรื่องสันติภาพ และความมั่นคง การลดอาวุธ สิทธิมนุษยชนความเท่าเทียมทางเพศ และการพัฒนาที่ยั่งยืน ทุกฝ่ายต่างจับตารอคอยคำแถลงของสองผู้นำมหาอำนาจ จีนและสหรัฐ ด้วยใจจดจ่อแต่แล้วก็ต้องผิดหวัง โดยเฉพาะรัฐบาลไต้หวัน

ตื่นเต้นกันใหญ่สองมหาอำนาจเผชิญหน้า-ทรัมป์ทำเซอร์ไพรส์

ช่วงสำคัญของการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UNGA ในปีนี้ อยู่ที่การผลัดกันขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ของบรรดาผู้นำระดับโลกที่จะดำเนินไปตลอดสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน ไปจนถึงวันที่ 29 กันยายน ในการแถลงเปิดงานเมื่อวันอังคาร(15 ก.ย.2563)  นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติได้เน้นย้ำเรื่องการรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก รวมถึง เรื่องสันติภาพ และความมั่นคง การลดอาวุธ สิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมทางเพศ และการพัฒนาที่ยั่งยืน

ความตึงเครียดอย่างถึงที่สุด ในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน สองมหาอำนาจผู้สนับสนุนเงินและงานของสหประชาชาติ และปัญหาการระบาดใหญ่ไวรัสโควิด-19 จึงถูกแขวนไว้อยู่บนเส้นด้ายในงานฉลองครบรอบ 75 ปีของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้

ทั้งประธานาธิบดี สี จิ้งผิง แห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐต่างถูกจับตามองที่จะขึ้นแถลงวิสัยทัศน์ในสัปดาห์หน้า  วาระปักกิ่งคาดว่าจะกล่าวถึงจีนกับความสัมพันธ์กับนานาชาติท่ามกลางการกดดันของวอชิงตัน ซึ่งจะเป็นประเด็นแหลมคมประการหนึ่ง ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนได้เผยแพร่รายงานเอกสาร ในงานฉลองสถานภาพของการสถาปนาความสัมพันธ์ของรัฐบาลปักกิ่งกับต่างประเทศในประเด็นหลักเรื่องของโลกกับโควิด-19 และ ภาวะโลกร้อนแต่ทุกคนไม่รู่วาระวอชิงตัน และรอคอยว่าปธน.ทรัมป์จะแสดงวิสัยทัศน์ต่อเรื่องการระบาดโควิดและภาวะโลกร้อนอย่างไร

งานฉลองครบรอบ 75 ปีสมัชชาสหประชาชาติเป็นโอกาสสำคัญของชาวโลก ท่ามกลางการที่โลกกำลังต่อสู้กับการระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งสำคัญยิ่งในการปรับบทบาทภารกิจของสหประชาชาติ หลอมรวมฉันทามติในการเสริมสร้างชุมชนโลกที่แบ่งปันอนาคตแห่งมนุษยชาติร่วมกัน และทุกคนคาดหวังเห็นมหาอำนาจทั้งสองที่ตึงเครียดต่อกันคลี่คลายลง

เวน ตัน, ผู้เชี่ยวชาญการเมืองระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยจุงสิงแห่งชาติ, ไต้หวันกล่าวว่า เขาหวังว่าประธานาธิบดีสี จิ้งผิง จะแถลงในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติในแนวทางเอกสาร ซึ่งวิเคราะห์บทบาทของประเทศต่างๆ และหวังว่าปธน.ทรัมป์จะสนับสนุนให้ไต้หวันได้เข้าไปมีบทบาทชัดเจนในการประชุม WHA: World Health Assembly ปลายปีนี้

สมัชชาอนามัยโลก-ก้าวแรกให้โลกยอมรับสถานะเป็นประเทศของไต้หวัน 

World Health Assembly กลายเป็นสมรภูมิการเมืองระหว่างประเทศเข้มข้นมาตั้งแต่ไต้หวันได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐชัดเจนขึ้นในหลายระดับ

 ปธน.ทรัมป์ ประกาศเมื่อเดือนเมษายน 2563 สหรัฐฯจะระงับเงินอุดหนุน WHO เนื่องจากเห็นว่าองค์กรแห่งนี้ “เข้าข้างจีนมากไป” และยังมีส่วนเผยแพร่ “ข้อมูลเท็จ” จากจีนเกี่ยวกับโรคระบาด ซึ่ง WHO ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ส่วนหนึ่งอาจมาจาก WHO ไม่ตอบสนองวาระที่วอชิงตันหนุนไต้หวันก็เป็นได้

ไต้หวันพยายามที่จะส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมสมัชชาอนามัยโลก (World Health Assembly – WHA) ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และพันธมิตรอีกหลายราย ทว่า จีนซึ่งถือว่าไต้หวันเป็นแค่มณฑลหนึ่งในจีนเดียว (One China) ยืนยันว่า ความพยายามของไทเปที่จะเข้าร่วมประชุม WHA “ไม่มีทางสำเร็จ” และอ้างว่า ไต้หวันมีจุดประสงค์ทางการเมืองแอบแฝง ไม่ได้เห็นแก่ความปลอดภัยของประชาชนอย่างที่อ้าง ทำให้ไต้หวันหวังอย่างยิ่งว่า ถ้าปธน.เข้าประชุมสมัชชาสหประชาชาติครั้งนี้ และหยิบยกประเด็นนี้มาพูด และเข้าทางตามที่ไต้หวันรอคอย คือมีโอกาสเข้าร่วมการประชุมสมัชชาอนามัยโลก และสร้างการยอมรับในเวทีนานาชาติ และถึงแม้ไม่มีใครเชิญ ไต้หวันก็คงจะไปร่วม เพราะที่ผ่านมาก็เข้าไปร่วมโดยไม่ได้รับเชิญมาหลายครั้งแล้ว  คือไม่มีสิทธิลงมติ

ทรัมป์หัวปั่นเรื่องหาเสียงหรือซ่อนเจตนาบางอย่าง

ปธน.ทรัมป์ เดินทางไปหาเสียงที่ในรัฐวิสคอนซิน พร้อมกล่าวกับผู้สนับสนุนว่า การเลือกตั้งเพื่อได้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 ของเขามีความสำคัญมาก เพราะจะเป็นการนำงานและโรงงานต่างๆ กลับมาเปิดดำเนินงานอีกครั้ง ทรัมป์ยังบอกด้วยว่า ถ้านายไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนนี้ ก็จะเท่ากับเป็นชัยชนะของพวกที่ก่อความไม่สงบสร้างความปั่นป่วนในประเทศได้รับชัยชนะไปด้วย เนื่องจากไบเดนไม่ได้ใส่ใจกับการใช้กฎหมายและการรักษาความสงบเรียบร้อย นอกจากนี้ ชัยชนะของไบเดนจะไม่เป็นผลดีต่อการสร้างงานในสหรัฐอีกด้วย

นายโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต กล่าวโจมตีทรัมป์ว่า คำพูดของเขาที่ว่าจะมีวัคซีนต้านโควิด-19 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ และทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้น ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ดังนั้น ชาวอเมริกันไม่สามารถจะเชื่อคำพูดของทรัมป์ได้ แต่ชาวอเมริกันควรจะเชื่อคำพูดของนักวิทยาศาสตร์มากกว่า โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขส่วนใหญ่ ต่างลงความเห็นว่า วัคซีนไม่น่าจะพร้อมแจกจ่ายให้กับคนทั่วประเทศ จนกว่าจะถึงกลางปีหน้า