จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ ประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นที่ คณะวิจริตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังนักศึกษากลุ่มหนึ่งถูกเก็บผลงานศิลปะเสียดสีการเมืองลงถุงดำ จนเป็นเหตุให้อาจารย์คนหนึ่งออกมาตอบโต้อย่างรุนแรง
โดยในโลกโซเชียลฯ มีการพูดถึงดราม่าคณบดีและผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เข้าไปรื้อเก็บงานศิลปะจัดวางของนักศึกษากลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อมาทาง คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
โดยระบุว่า จากการตรวจสอบวัสดุอุปกรณ์งานศิลปะดังกล่าว พบวัสดุบางรายการที่หมิ่นเหม่ต่อการผิดกฎหมาย (ธงชาติ ไทยที่ถูกดัดแปลงและมีข้อความที่ไม่เหมาะสม) และไม่ทราบว่าเป็นของผู้ใด และไม่มีผู้ใดรับเป็นเจ้าของ เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อนักศึกษาและคณาจารย์ของคณะฯโดยรวม จึงได้เก็บรวบรวมวัสดุอุปกรณ์ทั้งหมด เพื่อรอให้มารับคืนต่อไป
ทั้งนี้หนึ่งในวัสดุงานศิลปะที่ถูกเก็บไปคือ ธงชาติดัดแปลง และมีข้อความเรียกร้องให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผืนเดียวกันที่ปรากฎในม็อบที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 ที่สนามหญ้าหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยทราย อินทิรา เจริญปุระ ท่อน้ำเลี้ยงม็อบเอง ก็ได้เดินทางไปร่วมกิจกรรมดังกล่าว
ล่าสุด วันนี้ เวลา 13.00 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปยัง สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ที่นำธงชาติไทยแต่ไร้แถบสีน้ำเงินมากระทำการในลักษณะไม่สมควร เมื่อวันที่ 14 มีนา 64 และบริเวณคณะวิจิตรศิลป์ มช.ตามพระราชบัญญัติธง พ.ศ.2522 โดยมีนักแสดงหญิงชื่อดังที่ทำตัวเป็นท่อน้ำเลี้ยงพ่วงอยู่ด้วยนั้น
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจาก รศ.อัศวิณีย์ หวานจริง คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ ได้เข้าไปหอศิลป์มหาลัยในฐานะคณะบดีวิจิตรศิลป์ เพื่อดูความพร้อมของสถานที่ เตรียมรับผลงานแสดงวิทยานิพนธ์ของต่างสถาบัน ที่มาขอใช้พื้นที่แสดงงานแล้วตรวจพบธงชาติไทยที่เอาสีน้ำเงินออก พร้อมข้อความด่าทอในลักษณะต่างๆ
ซึ่งเป็นธงที่เคยใช้ในม็อบต่อต้าน112 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 64 ที่สนามกีฬา มช.เมื่อไม่กี่วันก่อน ปะปนอยู่กับงานศิลปะนักศึกษา โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงให้เจ้าหน้าที่เอาออกไป จนกลายเป็นข่าววิพากษ์วิจารณ์กันมากในขณะนี้
ซึ่งการจัดทำธงชาติไทย แต่ไม่มีแถบสีน้ำเงินนั้น เป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงการกระทำความผิดตาม พรบ.ธง 2522 ในหลายมาตรา อาทิ ม.53 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด อาทิ ประดิษฐ์รูป ตัวอักษร ตัวเลข หรือเครื่องหมายอื่นใดในผืนธง ใช้ ชัก หรือแสดงธง รูปจำลองของธง หรือในแถบสีของธง อันมีลักษณะโดยไม่สมควร ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ม.54 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการเหยียดหยามต่อธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีธงที่ได้บัญญัติกำหนดลักษณะไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่กำหนดในกฎของกระทรวง ซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และตามประมวลกฎหมายอาญา ม.118 ก็ยังบัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการใดๆ ต่อธงหรือเครื่องหมายอื่นใดอันมีความหมายถึงรัฐ เพื่อเหยียดหยามประเทศชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้น สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงไม่อาจทนดูพฤติกรรมของผู้ที่นำธงของชาติไทยมาลบหลู่ ดูหมิ่น และใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไปได้ จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานมาแจ้งความต่อ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพื่อเอาผิดผู้ที่ทำธงดังกล่าว รวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมที่สนามกีฬา มช.เมื่อวันที่ 14 มีนา 64 ฐานเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิด ตาม พรก.ฉุกเฉิน 2548 และ พรบ.โรคติดต่อ 2558 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ม.116 และ ม.215 อีกด้วย นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด